สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดเผยราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มล่าสุดว่าปรับขึ้นราคาลูกสุกรหน้าฟาร์ม 2 บาท/ก.ก. เป็น 100 บาท/ก.ก.

จึงต้องขึ้นราคาขายส่งห้างค้าปลีก 5 บาท/ก.ก. เป็น 160 บาท/ก.ก. ขณะที่ราคาขายปลีกเพิ่มขึ้น 4 บาท/ก.ก. เป็น 198-200 บาท

ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์ม ราคาขายส่งห้างค้าปลีกและราคาขายปลีกหมูทุกภาคทั่วประเทศ จึงขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกัน คือ 100 บาท/ก.ก., 160 บาท/ก.ก. และ 200 บาท/ก.ก.

ราคาแพงมากสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนอย่างสาหัส

ขณะที่กรมการค้าภายใน แจ้งสถิติราคาขายปลีกอาหารสดว่า กุ้งขาว ขนาด 60, 70 และ 80 ตัว/ก.ก. ปรับขึ้น 5 บาท/ก.ก. เป็น 150 บาท 140 บาท และ 130 บาท/ก.ก.ตามลำดับ

นอกจากนี้ ปลาทับทิม ยังปรับขึ้นราคาอีก 10 บาท เป็น 90-110 บาท ส่วนราคาปลาเลี้ยงชนิดอื่นๆ ก็ปรับขึ้นเช่นกัน

ราคาผักสด พริกขี้หนูสวนคละขนาด ปรับขึ้น 10 บาท/ก.ก. เป็น 140-150 บาท/ก.ก.,ถั่วฝักยาวคัด ปรับขึ้น 5 บาท/ก.ก. เป็น 70-75 บาท/ก.ก., ผักบุ้งจีน ปรับขึ้น 5 บาท เป็น 25-30 บาท/ก.ก., แตงกวา ปรับขึ้น 5 บาท/ก.ก. เป็น 60-65 บาท/ก.ก.

ทุกอย่างแพงขึ้นทั้งหมด ก่อนนี้ข้าวสารก็ขึ้นราคา ขณะที่รายได้ของประชาชนยังเท่าเดิมและก็ลดลง

ส่วนราคาน้ำมันนั้นก็ปรับขึ้นราคาติดต่อกันรายวัน สถานีบริการน้ำมันของปตท.และบางจาก ปรับราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดขึ้น 80 สตางค์ต่อลิตร ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม

ราคาเบนซินอยู่ที่ 49.26 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 41.85 บาทต่อลิตร อี 20 อยู่ที่ 40.74 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 41.58 บาทต่อลิตร ยกเว้น อี 85 ปรับขึ้น 50 สตางค์ต่อลิตร อยู่ที่ 34.74 บาทต่อลิตร

น้ำมันกลุ่มดีเซลทุกชนิดยังคงเดิม คือ ดีเซล บี 7 อยู่ที่ 31.94 บาทต่อลิตร ดีเซล บี 10 อยู่ที่ 31.94 บาทต่อลิตร และดีเซล บี 20 อยู่ที่ 31.94 บาทต่อลิตร และดีเซลพรีเมียม อยู่ที่ 39.36 บาทต่อลิตร เพราะตรึงราคาไว้

แพงมากที่สุดในรอบ 8 ปี และคาดว่าจะปรับราคาขึ้นอีก หากรัฐบาลแก้ปัญหานี้ไม่ได้ สินค้าอื่นก็จะทยอยขึ้นตาม การตรึงราคาไว้ไม่ให้สูงไปกว่านี้ จึงน่าจะเป็นทางออกช่วงนี้