เป็นนักแสดงอารมณ์ดีที่อยู่หน้าจอคอยสร้างเสียงหัวเราะและรอยยิ้มให้กับแฟนๆ ตลอด สำหรับ ชมพู่-ธัณย์สิตา สุวัชราธนากิตติ์ หรือ ชมพู่ ก่อนบ่าย ที่มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561
ซึ่งเจ้าตัวได้เผยว่าในอดีตที่ผ่านมาตัวเองไม่ได้ตลกหรือมีรอยยิ้มเลยโดยเฉพาะในเรื่องของความรัก ที่โหยหา และตามหามาตลอด รักๆ เลิกๆ ผิดหวังนับไม่ถ้วนจนเกือบคิดสั้น ทำร้ายร่างกายถึงขั้นเกือบเป็นอัมพาต แต่สุดท้ายก็ได้เจอรักแท้ บอย-วัชรพงศ์ พลเมืองดี ที่ได้มาเปิดใจถึงภรรยาคนสวยผ่านรายการเหมือนเก็บกดมานานเช่นกัน
โดยส่วนตัวของ ชมพู่ เราเป็นคนโหยหาความรัก ขาดความรักหรือเราเติบโตขึ้นมาเป็นคนแบบไหน ในคาแรกเตอร์จริงๆ มองย้อนกลับในวันนี้ ?
ชมพู่ – “ถ้ามองย้อนกลับไปหนูว่าหนูเป็นคนโหยหาความรัก ทั้งที่จริงๆ ครอบครัวไม่ได้แบบว่าไม่อบอุ่นนะคะ คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงเรามาดีมากให้ความรักดีมาก แต่เพราะว่าเรารู้สึกว่าเราทำงานหนักมาตั้งแต่สมัยเรียนค่ะ หารายได้เสริมด้วยการร้องเพลง รับจ้างต่างๆ เรารู้สึกว่าเราหาเลี้ยงครอบครัว หาเลี้ยงตัวเองได้ สิ่งที่มันมาทดแทนในเรื่องของความเหนื่อยตรงนี้สำหรับเรานะคะ คือคนที่มาเติมความรัก เราก็เลยโหยหาคนที่ให้ความรัก ซึ่งจริงๆ ณ ตอนนั้นเราไม่ได้ได้จากเขาหรอกเราเป็นคนวิ่งไปหาเอง ซึ่งมันก็เลยได้แบบทุลักทุเลหน่อยก่อนหน้านี้ค่ะ เพราะเราก็ได้ผ่านความเจ็บอะไรมาเยอะเหมือนกัน”
ชมพู่- “เป็นปกติของความรักเลยคือ ถ้าย้อนกลับไปแล้วเรามานั่งมองตอนนี้นะคะ มันเป็นเรื่องอะไรที่เล็กมากๆ เลย สำหรับการใช้ชีวิตในเรื่องชีวิตคู่อย่างนี้ค่ะ แต่ ณ ตอนนั้นเรามีความโหยหา คาดหวังเยอะในเรื่องของความรัก ในเรื่องของชีวิตคู่ว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ จริงๆ แล้วที่ผ่านมาเราคอยแต่จะโทษเขาตลอดเลย เราไม่เคยโทษตัวเองเลย ความรักทุกครั้งที่ผ่านมาจะโทษเขาว่าเขาไม่ดีทำให้เราไม่ได้ เขาทำผิดแต่บางทีเราลืมย้อนกลับมาดูตัวเราเองว่าตัวเองนี่แหละมันก็มีส่วนบกพร่องเราก็เป็นคนที่ทำไม่ดี เราก็เป็นคนที่ไม่เพียบพร้อมเหมือนกัน แต่ก่อนหน้านั้นเรานึกไม่ได้ เพราะก่อนหน้านั้นกับความรักหนูจะรู้สึกตีโพยตีพายแล้วก็ฟูมฟายทำให้เราเลิกหรือจบทุกครั้งมันก็เจ็บ”
ชมพู่ – “ถ้าเกิดมานั่งมองย้อนไปตอนนี้แล้วย้อนไปจะรู้สึกว่าเราก็ผิดเหมือนกันไม่ใช่แค่เขาที่ผิด ต้องบอกเลยว่าความรักที่ผ่านมาคือจบทุกครั้งและเจ็บทุกครั้ง เจ็บเพราะตัวเราเองนี่แหละค่ะ มันก็ทุกข์กับตัวเองนี่แหละ เพราะว่าเราคิดไม่ได้ว่าจริงๆ ว่าความรักมันคืออะไร เพราะตอนนั้นเราคิดได้แค่ว่าความรักคือการเป็นเจ้าของ อยากให้เขาเป็นแบบที่ตัวเราอยากให้เป็น การใส่ใจมากๆ ตัวต้องติดกันตลอดกาล ไม่ได้ให้พื้นที่หรือให้ความเป็นส่วนตัวในแต่ละคน แต่ทุกครั้งเราจะเป็นคนถอยมาเอง แต่ก็จะรู้สึกว่าเพราะคุณผิด ฉันดี ฉันไป และก็ไปหาคนใหม่ แต่จริงๆ แล้วเรานี่แหละก็มีข้อบกพร่องที่ทำให้เรากับเขาไปต่อไม่ได้ แต่ตอนนั้นคิดไม่ได้”
แต่สิ่งที่ ชมพู่ เจอมาก็ไม่เบาเลย เช่น คนของเราไปกิ๊กกั๊กอะไรกับคนที่เรารู้จัก ?
ชมพู่ – จับได้ว่าไปมีคนอื่นกับคนที่เรารู้จักคนรอบตัว ณ ตอนนั้นถามว่าเจ็บไหม มันก็ตีโพยตีพายอีกค่ะ ก็จะว่าเขาไม่ดี ทำไมเขาถึงนอกใจ แล้วทำไมคนใกล้ตัวเราทำไมถึงทำกับเราแบบนั้น ซึ่งมันเป็นช่วงจังหวะบังเอิญที่เราได้รู้จากเพื่อนเราอีกทีว่าไปเห็นภาพแล้วก็มารายงานเราอีกทีหนึ่ง วันที่รู้เราก็ค่อนข้างเจ็บและก็โวยวาย ก็เลิกเลย แต่พอมานั่งย้อนวันนี้ อย่างที่เราบอกเราเองหรือเปล่าที่เราทำให้เขาอยากไปมีคนอื่นเองหรือเปล่า”
ทำไมถึงคิดว่าเราเป็นคนที่ทำให้เขาทำแบบนั้น ?
ชมพู่ – “เพราะว่าเราเป็นคนเชื่อมั่นในตัวเอง พอเราดูแลตัวเองเราก็จะรู้สึกว่าเราเป็นผู้หญิงมั่น เราทะนงในตัวเอง เรารู้สึกว่าผู้ชายจะต้องฟังเรา ต้องตามเรา ดังนั้นในการคบกันเราอาจจะไปคุมชีวิตเขาทำให้เขาไม่มีความสุข ไปออกคำสั่งหรือว่าทำตัวเองประพฤติตัวเองที่มันไม่ได้น่ารัก หรือไม่ได้เป็นแบบที่ผู้ชายต้องการ ซึ่ง ณ ตอนนั้นเราไม่ได้มองข้อเสียของเราตรงนี้เลย เราแค่รู้สึกว่าฉันทำดีแล้ว ฉันเป็นผู้หญิงที่ดีแล้ว ฉันทำให้เธอทุกอย่างแล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้ เลยมาย้อนมองตัวเอง ข้อเสียก็อยู่ที่เราเยอะเหมือนกัน”
เห็นว่ามีจังหวะหนึ่งที่แอบคิดสั้น ?
ชมพู่ – “มีแว่บๆ ค่ะ แต่มันก็ไปไม่ถึง เพราะจะมีเรื่องครอบครัวแว่บขึ้นมาก่อน และก็เรื่องของภาระหน้าที่ มันมีอะไรรอเราอยู่เยอะมากเลยค่ะ อยากตัดปัญหาให้มันจบไวๆ เหมือนกัน แต่ว่าพอจะไปปุ๊บ อ้าว! ไม่เอาดีกว่า ยังมีอะไรที่เราต้องทำอีกเยอะเลย”
หลายคนเวลาที่มันทุกข์ถึงที่สุดทำไมไม่รู้ว่าถึงคิดว่าแบบตายดีกว่า แต่สุดท้ายแล้วพอคนที่รอดชีวิตคือผ่านตรงนั้นมาได้ ทุกคนก็จะมองกลับไปว่าโอ้โหถ้าวันนั้นทำตัวอะไรไปเสียดายแย่เลย
ชมพู่ – “มากค่ะ ถ้าวันนั้นหย่อนตัวเองลงมาจากตึกแล้วตกลงมา ไม่มีโอกาสได้แก้ตัวหรือได้เห็นคุณค่าของความรักเหมือนทุกวันนี้เลย ก็โชคดีที่ไม่ได้พลั้งลงมา คือเราเป็นคนที่ใช้ชีวิตสุด เวลารักคือรักให้สุด จะเรียนรู้เรื่องการเจ็บก็เจ็บให้สุด สมมติว่ารู้ว่าไปกันไม่รอดคือเราจะทำให้เจ็บเยอะมาก เราก็จะใช้เวลาก่อนที่จะแยกจากกันมีความสุขมากที่สุด และเวลาอกหักแต่ละครั้งเราก็จะจมกับมันให้ลึกที่สุด ทิ้งตัวเองอยากจะแบบลางานอยู่กับตัวเองไม่ทำงานปล่อยชีวิตให้มันแบบเป็นไปค่ะ พอมันสุดไปแล้ว พอมันสุดถึงแบบสุดซ้ำอยู่ที่เดิมไม่เห็นมันมีอะไรดีขึ้นมาเลย เงินทองก็ไมมี พ่อแม่ก็ไม่ได้เจอหน้า ตัวเองร่างกายก็ไม่ดี มันเหมือนจุดที่คิดได้เอง มันอธิบายไม่ถูกว่ามันพลิกกลับมาได้ยังไง แต่มันเหมือนมองกระจกแล้วคิดได้เอง นี่เราอายุเท่าไร เราจะเหลือเวลาใช้ชีวิตอีกเท่าไหร่ ถ้าเราเปลี่ยนตอนนี้ชีวิตที่เหลือของเราอาจจะใช้แบบมีความสุขก็ได้ค่ะ ก็โชคดีที่เราค่อยๆ ดึงตัวเองออกมา”
เจอความรักผิดหวังซ้ำๆ เราเคยคิดไหมว่าเราไม่น่าจะมีความรักอีกแล้ว เข็ดกลัวไปเลย ?
ชมพู่ – “ไม่มีค่ะ หนูเป็นคนแบบความรักมีไว้ให้พุ่งชน ถึง ณ ตอนนั้นถึงแม้จะเจอเจ็บปวดขนาดไหน แต่เราก็ใช้เวลาน้อยมากในการเปิดใจและศึกษาคนใหม่แล้วพอเปิดใจก็เจ็บอีก ก็ลุยอีก เป็นคนลุยค่ะ สมัยก่อนคือเป็นคนที่สู้กับความรักมาก ก็เลยไม่ค่อยปล่อยตัวเองให้พัก หรือว่าเว้น หรือว่าเข็ด”
ความรักครั้งหนึ่งที่เราพุ่งชนตลอด ทำให้เราเป็นอัมพาต เพราะอกหัก ?
ชมพู่ – “อันนั้นจะบอกว่าเป็นผลพวงจากภาวะเครียดของเราด้วย แต่เวลาใครถามก็จะบอกว่าอกหัก แต่จริงๆ แล้วมันก็มาจากการที่เราไม่ดูแลตัวเอง เราไม่มีความสุข เราร้องไห้มีความทุกข์มากๆ เราก็เลือกที่จะไประบายกับเพื่อนไม่พักผ่อนไม่ดูแลตัวเองไม่รักตัวเอง เลือกที่จะปาร์ตี้สังสรรค์ใช้ชีวิตแบบไม่ได้เห็นคุณค่าของตัวเองค่ะ มันก็ผนวกกันบวกกับเครียดอีก มันก็น่าจะเป็นเพราะระบบในร่างกายตีกันทุกอย่างทางการแพทย์เรียกว่า Stroke ค่ะ เหมือนเป็นอัมพาตชั่วคราว แบบมันอยู่ๆ ก็ชาซีกหนึ่ง มือชาเริ่มไม่รู้สึก ทำไมมุมปากเริ่มตกๆ นิดๆ เราก็รู้เลยว่าอาการของเราไม่ปกติก็เลยรีบไปหาหมอ พอไปเจอหมอก็อธิบายว่ามันเป็นอาการเหมือน Stroke ชั่วคราว พอเราได้ยาละลายลิ่มเลือด ได้พักผ่อนแล้วก็ ได้พักฟื้นสักพักหนึ่งมันก็ดีขึ้น”
เป็นความยากอย่างหนี่งด้วยไหมที่เราจะต้องพยายามสดใสร่าเริง ต้องทำให้คนอื่นมีความสุข ในขณะที่ตัวเองต้องกดความทุกข์เอาไว้ ?
ชมพู่ – “ใช่ ช่วงนั้นเป็นจริงๆ เลยค่ะ เวลา 5-4-3-2 เล่นได้ฮาเลย แต่พอคัตปุ๊บไม่มีเข้าฉากอะไรเราก็จะนั่งดูโทรศัพท์ ถ้าเจอข้อความอะไรจี๊ดๆ ก็ร้องไห้ หรือใครมาพูดแตะนิดหนึ่ง คือน้ำตาไหลเป็นสายน้ำเลย แต่เวลาอยู่หน้าจอที่เราต้องแสดงให้เห็นว่าเราสนุก มันคือหน้าที่ มันเป็นงาน เราก็ต้องทำให้ได้”
มีคนใกล้ตัวเคยเตือนไหมว่าวิธีจัดการความรักของเรามันอาจจะไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง เราเจ้ากี้เจ้าการ เราจัดแจง เรามั่นใจเกินไป ?
ชมพู่ – “ในเรื่องของวิธีการทำตัวคนรอบข้างจะเตือนในสิ่งที่เขารู้อยู่แล้วว่าไปกันไม่ได้หรอก หรือว่ามันมีเรื่องนี้อยู่นะทุกคนรู้ แต่เราไม่รู้อะไรอย่างนี้ มันก็จะมีการเตือนในแบบนี้มากกว่าว่าหยุดไหม จบไหม ทำให้หนูเข้าใจเลย ทุกวันนี้เวลาใครพูดถึงเรื่องความรักนะหนูจะไม่เข้าไปแทรก หรือเข้าไปแนะนำว่าเลิกหรือคบเลย เพราะว่าตัวเราผ่านมาก่อนในฐานะที่แบบเลิกเถอะ แต่ถึงเวลาเราก็กลับไปรักเหมือนเดิม”
เจ็บกับความรักมาเยอะ จนมาเจอรักแท้ คือ คุณบอย ถึงตัวจะไม่ได้มารายการ Club Friday Show แต่เราก็ได้ VDO Call เพื่อได้คุยกัน ?
บอย – “สวัสดีครับ”
ตอนอยู่ด้วยกัน ชมพู่ ขี้บ่นไหม ?
บอย – “อ๋อ…ใช่ครับ หลังๆ ตั้งแต่แต่งงานกันมาเนี่ยเริ่มจะบ่นเยอะทุกเรื่องเลยครับ แต่ตอนเป็นแฟนกันชมพู่ไม่เคยบ่นอะไรเลย ก็อยู่ด้วยกันแบบสนุกสนาน เป็นเพื่อน เป็นพี่น้องกัน คบกันสบายมากๆ แแต่พอแต่งงานกันทุกอย่างที่เราทำกลับกลายเป็นว่าเขาบ่นทุกเรื่องเลยครับ”
ชมพู่ – “อยู่บ้านไม่เคยพูดเลยนะเรา (หัวเราะ) อยู่ในโทรศัพท์เก่งจังเลยนะเรา”
เคยทะเลาะกันเรื่องปาร์ตี้จนเกือบจะเลิกกัน ?
บอย – “ใช่ครับใช่ ก่อนแต่งงานเราจะแบบว่าคือผมเป็นห่วงสุขภาพเขาไงครับ เพราะว่าเวลาเขาปาร์ตี้หนักๆ อย่างนี้ ผมนึกว่าอุ้มคนตาย 2-3 รอบแล้ว ก็เลยอยากให้เขาดูแลตัวเองด้วย มันก็กดดันตัวเราเองด้วยทำไมเราถึงห้ามเขาไม่ได้ ทำไมเราถึงพาเขาไปในทางที่ดีไม่ได้ ก็เคยทะเลาะกันแรงๆ จนแบบว่าถ้าอยู่แบบนี้แล้วมันอึดอัดเขาก็ยังอยากใช้ชีวิตแบบนี้อยู่ แต่ว่าหลังจากที่มีลูกชมพู่ก็เปลี่ยนไปทุกอย่างเลยครับ ก็ดีครับ”
ณ วันนี้ กำลังจะเป็นคุณพ่อลูกสอง รู้สึกยังไงกับคุณภรรยาบ้างที่ยังคงทำงานหนักหน่วงมาก ?
บอย – “ก็เป็นห่วงนะครับ ให้ดูแลสุขภาพ และอย่างหนึ่งที่อยากจะบอกว่าเวลาที่ตัวเองไม่ได้รับความรักแบบนี้ลองให้หันมามองดูบ้างว่าคนข้างหลังพยายามส่งความรักให้อยู่เสมอ ไม่ว่าเป็นตัวเขา พ่อแม่ หรือคนรอบข้าง แต่บางทีหนูคิดว่าหนูไม่ได้รับมันอยู่ที่ความเชื่อของตัวเองมากกว่านะ ก็เป็นห่วงและรักเสมอ คอยดูแลทุกอย่าง ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ก็เหมือนเดิมทุกอย่างนะ”
ชมพู่ – “รักแค่ไหนคะ รักหนูแค่ไหนคะ”
บอย – “เท่าฟ้าเจ็ดอันจ๊ะ
ชมพู่ – “เป็นคำที่เขาพูดกับหนูตอนที่คบกันใหม่ๆ เลยค่ะ”
ผ่านเรื่องราวความรักมาเยอะขนาดนี้ ได้บทเรียนมาเยอะมาก วันนี้คิดว่ามุมมองความรักของตัวเองเป็นยังไงบ้าง ?
ชมพู่ – “มุมมองความรักในปัจจุบันของเราก็คือการเริ่มจากรักตัวเองให้เป็นก่อน เพราะบางทีเราฟุ้งซ่าน เรามัวแต่ฟูมฟาย ไม่เห็นความมีค่าของตัวเอง ซึ่งพอเป็นแบบนั้นคนอื่นเขาก็จะไม่ได้เห็นค่าตามเราเหมือนกัน แต่ถ้าวันหนึ่งเรากลับมามีสติ รักตัวเองให้เป็น รักครอบครัวให้เป็น เริ่มต้นวิธีคิดที่แบบว่าไม่คาดหวัง ไม่ต้องแบกความทุกข์เอาไว้เยอะๆ มองโลกในแง่บวกให้มากๆ มันก็จะสอดคล้องและเป็นไปได้ด้วยดีค่ะ”
ในความเป็นคุณแม่ของ น้องธารา เราอยากจะบอกอะไรกับลูกบ้าง ?
ชมพู่ – “บอกว่าขอบคุณมากที่เขาเกิดมาเป็นลูกค่ะ ขอบคุณที่เขามาในจังหวะที่ดีมาก ที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้กลายเป็นคุณแม่คนได้ และก็มีวิธีคิดที่เปลี่ยนไป การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปมากๆ และก็จะบอกว่ากับลูกก็จะใช้หลักการเดียวกัน ก็คือจะไม่คาดหวัง จะไม่บังคับ หรือจะไม่ตีกรอบให้เขาเป็นอะไรเลย เขามีความสุขเราก็ดีใจ และก็จะดูแลเลี้ยงเขาในฝั่งเราให้ดีที่สุด แต่วันหนึ่งที่เขาตัดสินใจหรือว่าอยากจะเป็นอะไรอยากทำอะไร เราก็จะปล่อยอิสระเขาในการใช้ชีวิตมากๆ เราก็จะดูอยู่ห่าง แบบมีรอยยิ้ม ภูมิใจในความสุขของเขาค่ะ”
จากคนที่พูดได้ว่าวันหนึ่งวิ่งไล่ตามหาความรัก ไขว่คว้าหาความสุข เราอยากบอกอะไรกับคนที่คิดเหมือนเราในอดีตบ้างไหม ?
ชมพู่ – “อยากบอกกับทุกคนที่มีความรักอยู่นะคะ ความรักเป็นสิ่งที่สวยงามและมีค่ามากๆ แต่อยู่ที่สติในการใช้มันของเราด้วยนะคะ ชมพู่เคยเป็นคนหนึ่งที่หลายคนบอกเหตุผลต่างๆ นานา มันเป็นข้อมูลที่ดีทั้งนั้นแหละค่ะ แต่พอเราเชื่อใจตัวเองเราก็จะไม่รับฟังอะไรรอบข้างเลย แต่ว่าวันนี้อยากให้ทุกคนนะคะ มีสติมากๆ ถามใจตัวเองดูว่าสิ่งที่คุณอยู่ด้วยปัจจุบันเนี่ย สร้างความสุข หรือสร้างความทุกข์มากกว่า บางคนรู้ว่าทุกข์ก็กดดันอยู่แล้ว ไม่มีความสุขแต่ก็พยายามฝืน พยายามยื้อ พยายามจะรั้งเอาไว้ ซึ่งมันไม่มีอะไรดีในบั้นปลายแน่นอนค่ะ ถ้าเกิดว่ารู้ใจตัวเองแล้ว พยายามเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง และอย่าลืมถ้ารักตัวเอง เราก็จะมองเห็นหนทางแห่งความสุขง่ายขึ้นค่ะ”
- “ชมพู่ ก่อนบ่าย” หวิดน็อก! หน้ามืดกลางรายการสด โชคดีไม่วูบ หงายท้องก่อนจบ