“พล.ต.อ.จักรทิพย์” เปิดใจลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. ในนามอิสระ เมินถูกมองเป็นนอมินีพรรคพปชร. รับ”พล.อ.ประวิตร” ยกหูถาม “ถ้าไม่มีอะไรทำน่าไปลงผู้ว่าฯ กทม.” วาง 4 เสาหลักพัฒนาเมืองกรุง
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการลงสมัครว่าฯกทม. ว่าการตัดสินใจมีองค์ประกอบหลายอย่าง โดยยอมรับว่า มีผู้ใหญ่ให้การสนับสนุน โดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้โทรศัพท์มาบอกว่า “ถ้าไม่มีอะไรทำ ก็น่าจะไปลงผู้ว่าฯ กทม.”
ส่วนเรื่องการจะสนับสนุนอย่างเป็นทางการหรือไม่ คงต้องถามพล.อ.ประวิตร เอง แต่การที่ท่านเป็นนักการเมืองจะมาพูดว่าช่วยก็จะเกิดความหมิ่นเหม่อีก ซึ่งตนตอนนั้นก็ไม่ได้อะไรก็ตอบตกลงไป ซึ่งตนก็คิดว่าจะลงในนามอิสระแน่นอน ซึ่งเราร่างแผนไว้หมดแล้ว ว่าอยากจะมาช่วยแชร์ความรู้ประสบการณ์ต่างๆ ให้คนกทม.ว่าจะทำอะไรให้คนกรุงเทพดีขึ้น และเชื่อว่าคนที่จะลงสมัครผู้ว่ากทม.ก็มีแนวคิดเช่นเดียวกันคือจะทำอย่างไรให้คนกทม.ดีขึ้น
สำหรับแนวคิดของตนที่จะทำให้กับคนกทม.นั้นคิดว่ามีหลานเรื่อง ทั้งปัญหาการจราจร ปัญหาขยะและปัญหาความปลอดภัย ขนาดที่เรื่องความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจเป็นเรื่องใหญ่ บางครั้งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับรัฐบาลด้วย ดังนั้น เราจะพูดถึงแค่ในส่วนของ กทม.เท่านั้นว่าจะทำอะไรให้บ้าง อย่างไรก็ตามประเทศไทยเคยมีนายกฯเป็นทั้งทหารตำรวจและพลเรือนประชาชน จะเลือกแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับการติดตัดสินใจของคนกทม.เพียงขอให้แยกอาชีพกลับตัวตนออกจากกัน
ทั้งนี้ในฐานะที่เป็นอดีตนายตำรวจเก่ารู้ถึงปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนถ้าได้เป็นผู้ว่าฯกทม. ก็เปรียบเสมือนหัวหน้าครอบครัวที่จะทำอย่างไรให้พี่น้องของเราดีขึ้น ให้บ้านหลังนี้ดีขึ้น ฉะนั้นหลักก็คือจะต้องมี 4 เสาหลัก โดยมีตนเป็นเสาเอก คือ ความจริงใจ ประสบการณ์ความรู้วิสัยทัศน์ที่จะนำมาใช้ในบ้านหลังนี้ รับฟังปัญหาของทุกคนจากทุกองค์กรและสิ่งที่สำคัญที่สุด และการซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใสในการใช้จ่ายงบประมาณ
ส่วนการลงสมัครผู้ว่าฯกทม.ในครั้งนี้มีคนมองว่าเป็นนอมินีของพรรคพปชร.นั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ในอนาคตนอาจจะอยู่พรรคไหนก็ได้ แต่ตอนนี้ขอลงผู้ว่าฯกทม.ในนามอิสระแน่นอน บางคนบอกว่าไม่กลัวที่จะถูกมองว่าเป็นนอมินี หรือเพราะรู้จักกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพล.อ.ประวิตร แต่อยากบอกว่าคนที่อยู่พรรคเดียวกันคนละพวกก็เยอะ พวกเดียวกันคนละพรรคก็มี แต่สำหรับตนมีแต่พรรคพวก