กาญจนบุรี ตำรวจ-ฝากปกครอง สกัดรถสิบล้อพ่วงขบวนการขนแรงงานชาวเมียนมา หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย จนมุมป่าข้างทาง จับได้แรงงาน 88 คนพร้อมคนขับชาวไทย 1 คน
25 พฤษภาคม 2565 – ตำรวจทางหลวงกาญจนบุรี ได้รับการประสานข้อมูลจาก นายธนพล เสือส่าน กำนันตำบลลาดหญ้า ว่ามีรถสิบล้อพ่วงลักลอบขนแรงงานชาวเมียนมาจำนวนมาก ผ่านเข้ามาในพื้นที่
จึงได้นำกำลังออกติดตาม กระทั่งพบรถสิบล้อพ่วง ยี่ห้ออีซูซุ สีเหลือง หมายเลขทะเบียน 70-9964 กาญจนบุรี และลูกพ่วงหมายเลข 70-9965 กาญจนบุรี มีผ้าใบคลุมปิดทั้งด้านหน้าและลูกพ่วงอย่างมิดชิด
โดยรถคันดังกล่าวกำลังขับอยู่บนถนนสาย 323 ไทรโยค-กาญจนบุรี ช่วงกิโลเมตรที่ 83 บริเวณบ้านหนองสามพราน หมู่ 9 ตำบลวังด้ง อำเภอเมือง จ.กาญจนบุรี
ภายหลังรถคันดังกล่าว เห็นรถของเจ้าหน้าที่ จึงได้พยายามหักรถหลบหนีเข้าไปในป่าละเมาะข้างทาง ซึ่งเป็นไร่มันสำปะหลังติดกับชายเขา แต่เนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมามีฝนตกหนัก ทำให้ดินบริเวณไหล่ทางยุบ รถพ่วงบริเวณลูกพ่วง ติดเท่ากับร่องร่องดิน จึงไม่สามารถเข้าไปภายในป่าละเมาะข้างทางได้
คนขับพยายามปลดลูกพ่วง และวิ่งหลบหนี แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมเอาไว้ได้ ขณะเดียวกัน แรงงานชาวเมียนมาที่หลบซ่อนตัวอยู่ภายในกระบะและลูกพ่วง ได้กรูกันวิ่งหลบหนีเข้าไปในไร่มันสำปะหลัง
เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง จึงต้องประสานงานขอกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรลาดหญ้า เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองกาญจนบุรี พร้อมด้วยกำนันตำบลลาดหญ้า และกำนันตำบลวังด้ง เดินทางเข้าค้นหาชาวเมียนมาที่หลบซ่อนตัวอยู่ภายในไร่มันสำปะหลังดังกล่าว
ก่อนจะสามารถจับกุมตัวมาได้ทั้งหมด จำนวน 88 คน เป็นชาย 57 คน หญิง 31 คน เด็ก 3 คน พร้อมด้วยคนขับรถสิบล้อพ่วง คือ นายณรงค์ศักดิ์ ใจบุญ อายุ 36 ปี เป็นชาวอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี
นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวอ้างว่า ไปรับแรงงานชาวเมียนมากลุ่มดังกล่าวมาจากชายแดน อ.สังขละบุรี และเตรียมจะนำมาส่งให้กับนายหน้าที่มารออยู่ในพื้นที่สามแยกบ้านเก่า อำเภอเมืองกาญจนบุรี แต่มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้เสียก่อน โดยรับว่าเพิ่งทำหน้าที่ขับรถขนแรงงานชาวเมียนมาครั้งนี้เป็นครั้งแรก
เจ้าหน้าที่สอบสวนทราบว่า แรงงานชาวเมียนมากลุ่มนี้ เดินทางมาจากฝั่งพญาตองซู ประเทศเมียนมา มีการตกลงจัดหาสถานที่ทำงานให้กับแรงงานกลุ่มนี้ พื้นที่กรุงเทพฯ จ.ปทุมธานี จ.สมุทรปราการและ จ.พิษณุโลก
โดยมีการแบ่งแรงงานแต่ละกลุ่ม ด้วยการใช้เชือกฟางแต่ละสีผูกที่ข้อมือ เพื่อแบ่งกลุ่มตามแต่จังหวัดที่นายจ้างมีออเดอร์ตัวเข้ามา ซึ่งแรงงานกลุ่มนี้จะต้องเสียค่านายหน้าคนละ 25,000 บาท โดยจะจ่ายให้กับนายหน้าเมื่อถึงโรงงานที่มีนายหน้าติดต่อเข้ามา
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการ ตรวจ atk เพื่อหาเชื้อโควิด ในกลุ่มแรงงานชาวเมียนมาทั้งหมด ไม่พบว่ามีรายใดที่ติดเชื้อโควิด จึงนำตัวแรงงานชาวเมียนมาทั้งหมด พร้อมด้วยรถบรรทุกของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรลาดหญ้า ดำเนินคดีตามกฎหมายและผลักดันกับประเทศต่อไป