หลังจากที่เมื่อวันที่ 6 กันยายน ที่ผ่านมา วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย สร้างผลงานสุดยอด ผงาดคว้าแชมป์ศึกวอลเลย์บอลหญิง ชิงแชมป์เอเชีย 2023 ด้วยการเอาชนะ ทีมชาติจีน ไปอย่างสุดสะใจ 3-2 เซต ในเกมรอบชิงชนะเลิศ ที่จังหวัดนครราชสีมา
การคว้าแชมป์ในระดับเอเชียของทีมวอลเลย์บอลไทย จากเงื่อนไขตามประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการให้เงินรางวัลแก่นักกีฬา บุคลากรกีฬาและสมาคมกีฬาที่ใช้คำว่า “แห่งประเทศไทย” พ.ศ. 2565 (ฉบับปรับปรุง)
ตามหลักเกณฑ์การแข่งขันระดับนานาชาติ (ที่ส่งแข่งขันโดยใช้คำว่า “แห่งประเทศไทย) ในระดับชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย หากคว้าเหรียญทองจะได้เงินรางวัล 600,000 บาท , เหรียญเงิน ได้เงินรางวัล 400,000 บาท และเหรียญทองแดง ได้เงินรางวัล 200,000 บาท
ดังนั้น เบื้องต้นหากนับเฉพาะเงินรางวัลจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เพียงอย่างเดียว ทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยชุดนี้จะได้รับเงินรางวัลตกคนละ 600,000 บาท (หกแสนบาท) รวมทั้งหมด 14 คน เป็นเงินทั้งหมด 8,400,000 บาท โดยที่ยังไม่นับรวมกับเงินรางวัลที่สมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย จะได้รับ 30 เปอร์เซ็นต์ และ เจ้าหน้าที่ทีมโค้ชจะได้รับอีกจำนวน 20 เปอร์เซ็นต์ จากกองทุนอีกด้วย
นอกจากนี้ “เอส โคล่า” หนึ่งในสปอนเซอร์หลักของทีมวอลเลย์บอลหญิงไทย ยังมอบเงินรางวัลอัดฉีดอีก 1 ล้านบาท
เช่นเดียวกับ “อุบล ไบโอ เอทานอล” ที่ได้มอบเงินสนับสนุนอีก 1 ล้านบาท เช่นกัน
สำหรับ โปรเเกรมต่อไปของทีมวอลเลย์บอลสาวไทย คือการเดินทางไปแข่งขัน วอลเลย์บอลหญิง โอลิมปิก 2024 รอบคัดเลือก ที่เมืองลอดซ์ ประเทศโปแลนด์ โดยการแข่งขันจะจัดในระหว่างวันที่ 16-24 กันยายน