คำผกา ชี้18 ฆ่าเด็ก13 ลั่นรวยไม่ผิด รัฐล้มเหลว เหลื่อมล้ำ ทรัพยากรกระจุกชนชั้นกลาง

Home » คำผกา ชี้18 ฆ่าเด็ก13 ลั่นรวยไม่ผิด รัฐล้มเหลว เหลื่อมล้ำ ทรัพยากรกระจุกชนชั้นกลาง



คำผกา ชี้18 ฆ่าเด็ก13 ลั่นรวยไม่ผิด รัฐล้มเหลว เหลื่อมล้ำ ทรัพยากรกระจุกชนชั้นกลาง แนะต้องจัดหาเครื่องมือทำให้เด็กมีปัญญาญาณ

เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 8 พ.ย. 2565 ข่าวสดออนไลน์ จัดรายการ “ข่าวจบ คนไม่จบ” ดำเนินรายการโดย อั๋น ภูวนาท คุนผลิน และแขก ลักขณา ปันวิชัย หรือ คำ ผกา ในหัวข้อ “เกิดอะไรขึ้น! เด็ก 18 ฆ่าเด็ก 13 โวลั่นบ้านผมรวย ผมฉลาด ผมไม่ผิด”

อั๋น กล่าวว่า เด็ก 18 บุกเข้าไปทำร้ายเด็ก 13 ถึงในบ้านจนบาดเจ็บ สาหัส นอนอยู่ห้องไอซียู 4 คืน แล้วเสียชีวิต ปรากฏว่าเด็ก 18 ที่ก่อเหตุไม่ได้มีความสำนึกเลย มีการโพสต์เฟซบุ๊กที่แสดงให้เห็นว่าบ้านรวยไม่ต้องห่วง ถ้าหนีก็รอด แต่ไม่หนีเพราะไม่ผิด สู้คดียังไงก็รอด เพราะบ้านผมรวย พ่อผมช่วยผมตลอด ฝากถึงอีกครอบครัวถ้าอยากมีเรื่องก็ไปฟ้องศาลเอา บอกผิดแค่ทำร้ายร่างกาย ถ้ามีโทษก็โดนแค่ไม่กี่ปี

อั๋น กล่าวต่อว่า ไม่แน่ใจว่าเป็นเจ้าตัวโพสต์จริงหรือไม่ เพราะตำรวจบอกว่าเด็ก 18 ยังไม่ได้รับการประกันตัว จึงยังไม่ได้ถูกปล่อยออกมา แปลว่ามีคนสร้างเรื่อง อาจมีคนสร้างบัญชีปลอม หรือมีคนรู้อีเมลกับรหัสผ่านแล้วเข้าไปป่วน ถ้าตรวจสอบว่าเด็ก 18 ไม่ได้ทำ แล้วใครทำ จุดประสงค์คืออะไร แต่ยังไงก็มีความผิด

ด้าน คำ ผกา กล่าวว่า ตนไม่รู้ว่าการโพสต์แบบนั้นมาจากตัวเด็ก 18 หรือไม่ แต่ชี้ให้เห็นสิ่งหนึ่งที่คนในโลกโซเชียลโหยหามากคือความสนใจ แล้วคุณจ่ายได้ในทุกราคาเพียงเพื่อให้ได้รับความสนใจ ถ้าโพสต์อะไรที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมของสังคมจะไม่ได้รับความสนใจ จึงต้องโพสต์อะไรที่กลับตาลปัตรกับความคาดเดาของสังคม เมื่อโพสต์แบบนี้ก็ทำให้สื่อทุกสื่อเอาไปลง

คำ ผกา กล่าวอีกว่า ในภาวะที่เราอยู่ในรัฐล้มเหลว เราอ่อนแอมากในทุกเรื่อง เราเจอภาวะความเหลื่อมล้ำ ไม่ได้แปลว่าขาดเงินเท่านั้น เราจะเห็นว่าสภาพครอบครัวของเด็กทั้งคู่ ไม่ใช่สภาพครอบครัวที่จนเงิน แต่สิ่งที่จนคือทุนทางวัฒนธรรมและทุนทางสังคมในการต่อยอดให้เกิดปัญญาญาณ

คำ ผกา กล่าวต่อว่า คนไทยพูดกันเยอะเหลือเกินว่าโรงเรียนสาธิตธรรมศาสตร์เป็นโรงเรียนที่ดี เป็นโรงเรียนในอุดมคติ คำถามคือทำไมเราไม่สร้างโรงเรียนแบบนี้อีก 5,000 แห่งทั่วประเทศ นี่คือสิ่งที่ขาดหายไปในสังคมไทยหรือไม่ เด็กเหล่านี้ไม่มีการต่อยอดวุฒิภาวะทางปัญญาและอารมณ์ ไม่ใช่แค่อ่านหนังสือออก แต่จะต้องอ่านได้ละเอียดขึ้น หรือแค่วิเคราะห์แยกแยะได้ แต่หมายถึงการตกผลึกทางความคิดบางอย่างจนประกอบมาเป็นมนุษย์ที่ใช้ปัญญาญาณที่สูงสุดของความเป็นมนุษย์ในการชี้นำชีวิตที่จะพาตัวเองไปสู่จุดที่มีปัญญาญาณ

คำ ผกา กล่าวอีกว่า เรามีเด็กที่อ่านออกเขียนได้ แต่เราไม่มีเด็กที่จะไปสู่จุดนั้น แล้วที่เราไม่มีก็เพราะเราไม่มีเครื่องมือให้ใครเลย ทรัพยากรทุกอย่างกระจุกตัวอยู่ในชนชั้นกลางไม่กี่คน และอยู่ในจังหวัดเดียว หรืออยู่ใน 4-5 จังหวัดใหญ่ๆ ในประเทศเท่านั้น แล้วในพื้นที่ที่เด็กที่มีปัญหาอาศัยอยู่ เกิดมาก็อาจจะเพิ่งเคยได้ยินและไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน แล้วเด็กเหล่านี้เติบโตมายังไง ถ้าพ่อแม่เขาไม่พร้อมก็ไม่ใช่ความผิดของพ่อแม่

คำ ผกา กล่าวต่อว่า รัฐมีหน้าที่จัดหาเครื่องมือเหล่านี้ลงไปให้ถึงมือ เด็ก 100 คน มันต้องหลุดมาถึงระดับที่มีปัญญาญาณได้สัก 40 คน อยู่ในระดับกลางๆ อีกสัก 20 คน แค่นี้เราก็ปกป้องสังคมได้เยอะแล้ว แต่พวกที่ครอบครองทรัพยากรจำนวนมากอยู่ในมือ พวกคุณก็รอด แล้วก็นั่งดูเด็กอายุ 13-14 ว่าพวกนี้จน โง่ ถ่อย แล้วบอกให้เป็นแม่เมื่อพร้อม

คำ ผกา กล่าวอีกว่า การพูดว่าเป็นแม่เมื่อพร้อมมันง่าย แต่การกระบวนการที่จะทำให้คนเป็นแม่เมื่อพร้อม มันไม่สามารถทำได้เพียงลำพังแค่ยาคุม สมองส่วนที่เป็นปัญญาญาณต้องทำงาน แต่มันทำไม่ได้ เมื่อคุณกอดเครื่องมือเหล่านั้นไว้แค่เฉพาะพวกคุณ แล้วคุณไม่แบ่งเครื่องมือพวกนี้ให้ใครเลย

คำ ผกา กล่าวต่อว่า อย่างโรงเรียนสาธิตธรรมศาสตร์ คุณก็ไม่ยอมให้มีโรงเรียนเหล่านี้ในที่อื่น คุณก็อยากจะเก็บโรงเรียนนี้ไว้เฉพาะแค่คุณและเพื่อนคุณไม่กี่คน เพราะคุณกลัวคนอื่นตีตนเสมอตัวเองเหมือนกัน กลัวว่าพอคนมีปัญญาญาณแล้วคุณจะปกครองไม่ได้ ไม่สามารถที่จะครอบครองความเป็นชนชั้นสูง ซึ่งประเทศไทยไม่ได้ยึดหลักคนเท่ากัน แล้วการเคารพมนุษย์คนอื่นก็ไม่เกิด

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ