ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ได้รับชัยชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย ขึ้นแท่นผู้นำที่ครองอำนาจยาวนานที่สุดของรัสเซียในรอบกว่า 200 ปี

ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ได้รับชัยชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซียในวันอาทิตย์ โดยคาดว่าได้คะแนนเสียงไปเกือบ 88 เปอร์เซ็นต์ จากผลเอ็กซิตโพลล์ และผลการนับคะแนนเบื้องต้น ท่ามกลางการประท้วงของฝ่ายตรงข้ามหลายพันคน ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์

ชัยชนะครั้งล่าสุดนีึ้หมายความว่า ปูติน วัย 71 ปี จะขยายเวลาการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซียไปอีกอย่างน้อย 6 ปี หลังจากก้าวขึ้นสู่อำนาจเมื่อปี 1999 และจะทำให้เขาแซงหน้าโจเซฟ สตาลิน กลายเป็นผู้นำที่ครองอำนาจยาวนานที่สุดของรัสเซียในรอบกว่า 200 ปี

นอกจากนี้ คะแนนเสียง 87.8 เปอร์เซ็นต์ ที่ปูตินได้รับ ยังถือเป็นตัวเลขสูงที่สุดเท่าที่เคยมีการเลือกตั้งมาในรัสเซียหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียตอีกด้วย

การเลือกตั้งซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้ว จัดขึ้นท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย้างเข้มงวดตามคูหาเลือกตั้งต่าง ๆ โดยแทบไม่มีคู่แข่งสำคัญหรือผู้สมัครทางเลือกอื่นนอกเหนือจากปูติน หลังจากการเสียชีวิตของอเล็กเซ นาวาลนี ผู้นำฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลรัสเซีย เมื่อเดือนที่แล้ว

แม้ยังไม่มีตัวเลขจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิครั้งล่าสุดนี้ แต่รอยเตอร์รายงานว่ามีคนหนุ่มสาวจำนวนมากที่ออกมาลงคะแนนในกรุงมอสโก และนครเซนต์สปีเตอร์เบิร์ก โดยมีประชาชนหลายร้อยคนและอาจเป็นพันคนที่เข้าคิวยาวตามคูหาเลือกตั้งต่าง ๆ

ขณะเดียวกัน ฝ่ายตรงข้ามปธน.ปูติน และพันธมิตรของนาวาลนี ต่างปลุกระดมให้มวลชนร่วมชุมนุมตามคูหาเลือกตั้งทั่วประเทศเพื่อรณรงค์ให้ประชาชนเลือกคู่แข่งอีก 3 คนของปูตินหรือไม่เลือกใครเลย ภายใต้ชื่อการประท้วง “Noon against Putin”

กลุ่ม OVD-Info ซึ่งติดตามการจับกุมผู้ต้องหาทางการเมืองในรัสเซีย กล่าวว่า มีผู้ถูกจับกุมเมื่อวันอาทิตย์มากกว่า 50 คน ใน 14 เมืองทั่วรัสเซีย นอกจากนี้ยังเกิดการประท้วงตามสถานทูตของรัสเซียในหลายประเทศ

ที่กรุงเบอร์ลิน ยูเลีย นาวาลนายา ภรรยาหม้ายของนาวาลนี ร่วมชุมนุมกับผู้ประท้วงที่สถานทูตรัสเซียประจำเยอรมนี

เมื่อวันศุกร์ เธอกล่าวต่อผู้ร่วมชุมนุมว่า “อเล็กเซต่อสู้เพื่อสิทธิขั้นพื้นฐาน คือเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การเลือกตั้งที่ยุติธรรม ประชาธิปไตยและสิทธิของเราในการมีชีวิตโดยไร้ซึ่งสงครามและการคอร์รัปชัน” และว่า “ปูตินไม่ใช่รัสเซีย และรัสเซียก็ไม่ใช่ปูติน”