กรุงโรม ปรับนักท่องเที่ยวมะกัน 1.6 หมื่นบาท นั่ง “กิน-ดื่ม” บนขอบน้ำพุ
วันที่ 7 ก.ค. ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า นักท่องเที่ยวอเมริกันที่มาเยือน กรุงโรม ของอิตาลีถูกปรับเป็นเงิน 450 ยูโร (ราว 16,000 บาท) ฐานกินอาหารและดื่มเครื่องดื่มขณะนั่งข้างน้ำพุ ภายใต้กฎที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อรักษา “ความประพฤติที่งดงาม” ของกรุงโรมท่ามกลางนักท่องเที่ยวล้นเมือง
ตำรวจท้องถิ่นบอกว่า นักท่องเที่ยววัย 55 ปี เลือกขอบน้ำพุแห่งคาเตคูเมนี (Fontana dei Catecumeni) เพื่อนั่งพักกินอาหารว่าง เมื่อราว 01.00 น. วันเสาร์ที่ 3 ก.ย. ตามเวลาท้องถิ่น “เจ้าหน้าที่เข้าไปขณะที่นักท่องเที่ยวจงใจดื่มเครื่องดื่มและกินอาหารในบริเวณของน้ำพุ” ตำรวจระบุ
น้ำพุแห่งคาเตคูเมนี สถาปนิกและประติมากร จาโคโม เดลลา ปอร์ตา เป็นผู้ก่อสร้างเมื่อค.ศ. 1588-89 (พ.ศ. 2531-32) และได้รับการฟื้นฟูในค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540)
น้ำพุแห่งคาเตคูเมนีได้รับการคุ้มครองด้วยกฎที่ได้รับการบังคับใช้เป็นครั้งแรกในช่วงทศวรรษที่ 1970 (ค.ศ. 1970-1979, พ.ศ. 2513-2522) เพื่อปกป้องน้ำพุ รูปปั้น และอนุสาวรีย์อื่นๆ ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์
ต่อมา กฎดังกล่าวได้รับการแก้ไขโดยเน้น “ความประพฤติที่งดงามต่อสภาพแวดล้อม” ของกรุงโรมตั้งแต่ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562)
ตำรวจท้องถิ่นระบุในแถลงการณ์ว่า ดำเนินการตรวจสอบมากกว่า 300 ครั้ง เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ด้วยการลาดตระเวนถนนเพื่อบังคับใช้กฎดังกล่าว รวมถึงจำกัดปริมาณการเล่นดนตรีในบาร์ต่างๆ กฎดังกล่าวยังครอบคลุมการห้ามดื่มบนถนน การจัดทัวร์เยือนผับต่างๆ และการจุ่มในน้ำพุต่างๆ ของกรุงโรม
เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถลงโทษปรับและแม้แต่กีดกันคนออกไปจากพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งนานถึง 48 ชั่วโมง ส่วนผู้กระทำความผิดถูกห้ามเข้านานถึง 60 วัน
สภากรุงโรมเคยระบุเมื่อกฎว่าด้วย “ความประพฤติที่งดงาม” ได้รับการบังคับใช้ ว่า กฎดังกล่าวมีเพื่อจัดการกับชีวิตในเมืองหลายๆ ด้าน โดยให้ความสนใจเป็นพิเศษในการเคารพมรดกทางศิลปะและวัฒนธรรมของเมืองหลวง นอกจากนี้ ตั้งใจรับมือกับนักท่องเที่ยวมากเกินไป ขณะต้องพยายามดูแลนักท่องเที่ยวที่แท้จริง
ทั้งนี้ ก่อนการระบาดของโควิด-19 กรุงโรมต้อนรับผู้มาเยือนราว 10 ล้านคนทุกปี