หน.อุทยานฯ เขาแหลม เตรียมทำบุญใหญ่ 3 ธ.ค.หลังจนท.แทงเพื่อน-ยิงตัวดับ เผยคำพูดสุดท้ายก่อนลงมือ ตร.ขอเสื้อผ้าที่ใส่วันเกิดเหตุส่งพิสูจน์ หาเขม่าดินปืน
กรณี นายคฑาวุธ อายุ 35 ปี พนักงานพิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม จ.กาญจนบุรี ใช้มีดทำร้าย นายภาคภูมิ เพื่อนพนักงานพิทักษ์ป่าด้วยกันบาดเจ็บ จากนั้นนายคฑาวุธใช้ปืนยิงตัวเองเสียชีวิต เหตุเกิดกลางป่าและหุบเขาท้องที่หมู่ 3 ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ระหว่างคืนวันที่ 24 พ.ย. ต่อเนื่องเช้าวันที่ 25 พ.ย. ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 28 พ.ย.64 นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม เปิดเผยว่า อุทยานฯ เขาแหลม กำหนดจัดพิธีทำบุญใหญ่และไหว้ศาลในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาแหลม หมู่ 4 ต.ปรังเผล อ.สังขละบุรี ซึ่งหัวหน้าอุทยานฯ คนใหม่ ที่จะมารับตำแหน่งแทนตน จะเป็นผู้ทำพิธีฯ เนื่องจากตนจะต้องเดินทางไปรับตำแหน่ง ผู้อำนวยการส่วนจัดการต้นน้ำ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (ปราจีนบุรี)
ซึ่งก่อนหน้านี้ระหว่างที่เราพยายามให้ความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ชุดที่ประสบเหตุที่อยู่ภายในป่าลึก ออกมาจากจุดเกิดเหตุ เราก็ทำพิธีไหว้เจ้าที่เจ้าทางและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอให้เปิดทางเพื่อให้การช่วยเหลือราบรื่น ประสบความสำเร็จ และหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ ที่สามารถนำเจ้าหน้าที่ชุดสุดท้ายออกมาจากป่าได้ ช่วงเย็นของวานนี้ เราก็ทำพิธีขอบคุณเจ้าที่เจ้าทางอีกครั้ง เพื่อให้เกิดความสบายใจ แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน
ส่วนเรื่องของอาถรรพ์ที่หลายคนพูดกันปากต่อปากทำนองว่า พื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมเป็นสถานที่หนึ่งที่ขึ้นชื่อว่า มีเจ้าที่แรง โดยก่อนหน้านี้ราว 3-4 ปีที่ผ่านมา มีการพูดกันมาว่า ต้องการชีวิตเจ้าหน้าที่ที่นี่ จำนวน 7 คน แต่ต่อมาทุกคนต้องเจอกับความจริงที่ว่า มีเจ้าหน้าที่ทยอยเสียชีวิตด้วยเหตุการณ์ต่างๆ กันปีละคน 2 คนเรื่อยมาด้วยเหตุต่างๆ จนมาถึงรายนี้เป็นรายที่ 7
และพูดกันด้วยว่า ความจริงแล้วเขาจะเอาชีวิตหัวหน้าอุทยานด้วยซ้ำ แต่หัวหน้ามีดวงชะตาแรง ไม่สามารถทำอะไรได้ จึงรอดปลอดภัยทุกครั้ง เรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ตนไม่ได้งมงาย แต่ก็ไม่ได้ลบหลู่ โดยตนคิดว่า ตนมาทำหน้าที่เพื่อปกป้องดูแลรักษาผืนป่า และด้วยใจที่บริสุทธิ์ เราจึงเชื่อว่าไม่น่าจะมีใครจะมาทำร้ายทำลายเรา ซึ่งตนเชื่อมั่นในความดี จึงไม่คิดกังวลในเรื่องนี้แต่อย่างใด
ส่วนเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนพูดคุยกับชุดเจ้าหน้าที่ที่ประสบเหตุบ้างแล้ว แต่ไม่อยากให้ความเห็นใดๆ เพราะเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะดำเนินการตามกระบวนการสอบสวนเพื่อพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริง จึงเกรงว่าหากให้ข้อมูลอะไรไปจะกระทบต่อคดีได้
แต่เบื้องต้นก็ยังไม่ทราบชัดเจนว่าเกิดจากสาเหตุใดที่แน่ชัด เพียงแต่ผู้ได้รับบาดเจ็บเล่าให้ฟังว่า ผู้เสียชีวิตมีอาการทางจิต ก่อนเกิดเหตุส่งเสียงโวยวาย ระแวงว่าผู้บาดเจ็บจะเป็นชู้กับภรรยาของตัวเอง โดยตะโกนใส่ผู้บาดเจ็บว่า “มึงเป็นชู้กับเมียกู” ก่อนจะลงมือก่อเหตุสะเทือนใจขึ้น ซึ่งหลังเกิดเหตุ ผู้บาดเจ็บรู้สึกกังวลว่า จะกลายเป็นความผิดของตัวเองหรือไม่ แต่ทั้งคนเจ็บและเจ้าหน้าที่ชุดประสบเหตุ ก็ไม่ได้เคลื่อนย้ายวัตถุใดๆ ในที่เกิดเหตุ รวมทั้งศพของผู้เสียชีวิตด้วย เพื่อรอเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ
สำหรับการให้การดูแลครอบครัวของเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บ ตนได้นำเงินส่วนตัวช่วยเหลือไปแล้วจำนวนหนึ่ง ขณะที่ยังได้ประสานขอรับการช่วยเหลือจาก กองทุนสวัสดิการ สบอ.3 (บ้านโป่ง) และยังมีเงินช่วยเหลืออีกหลายส่วนที่ไม่ขัดต่อระเบียบ เช่น เงินสวัสดิการ มูลนิธิต่างๆ เป็นต้น ซึ่งจะเป็นเงินช่วยเหลือทั้งครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ โดยจะพยายามดูแลช่วยเหลืออย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม ทางพนักงานสอบสวนสอบปากคำเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในเหตุการณ์ครบหมดทุกปากแล้วตั้งแต่วานนี้ และทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดขอให้เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวนำเสื้อผ้าที่ใส่ในวันนั้น ส่งให้กับพนักงานสอบสวนนำไปตรวจสอบ คาดว่าเพื่อพิสูจน์หาพิสูจน์หาคราบเขม่าดินปืน ซึ่งก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการ เพราะเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ที่ต้องพิสูจน์ให้ครอบครัวผู้ตายคลายความสงสัยในเหตุที่เกิดขึ้น
ดังนั้นก็ต้องพิสูจน์ความจริงด้วยพยานวัตถุ พยานบุคคล และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ที่ใกล้ชิดผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ไม่พบว่าทั้ง 2 มีความขัดแย้งอะไรกันมาก่อน ดังนั้นจึงไม่น่าจะเป็นสาเหตุของการเกิดเหตุในครั้งนี้