ระนอง หน่วย ฉก.ร.25 กกล.เทพสตรี จับกุมขบวนการขนยางเถื่อน ลำเลียงข้ามชายแดน ยึดพาราแผ่น3ตัน สารภาพ ซื้อถูก ขายแพง ฟันกำไรอื้อ

10 ธ.ค. 65 – พ.อ.ภูมิพัฒน์ บุญเรืองขาว ผบ.ฉก.ร.25 กกล.เทพสตรี ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า มีการลักลอบขนยางพาราแผ่นดิบ ข้ามแม่น้ำกระบุรี แนวชายแดนไทย-เมียนมา โดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากร บริเวณช่องทางตามธรรมชาติในพื้นที่ ม.2 ต.ปากจั่นอ.กระบุรี จ.ระนอง

จึงสั่งการให้ เจ้าหน้าที่ทหาร ร้อย ร.2521 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี เร่งนำกำลังเข้าทำการตรวจสอบและจับกุมทันที

ที่เกิดเหตุ เป็นสวนปาล์มน้ำมัน ติดกับแม่น้ำกระบุรี แนวพรมแดนกั้นระหว่าง ประเทศไทยและเมียนมา เจ้าหน้าที่ได้ตรวจการณ์ พบเห็นเรือหางยาวบรรทุกยางพารามาเต็มลำเรือ โดยสตาร์ทเครื่องมาจากฝั่งประเทศเมียนมา เพื่อมาเทียบริมตลิ่งฝั่งไทย

ต่อมาพบรถยนต์กระบะยี่ห้อโต้โยต้า รีโว่ ตอนเดียว สีบรอนซ์เทา ป้ายทะเบียนระนอง ได้ขับถอยหลัง หันท้ายกระบะติดกับแม่น้ำกระบุรี และมีกลุ่มชายฉกรรจ์ จำนวนหนึ่งได้รีบช่วยกันขนแผ่นยางพารา จากเรือมาขึ้นรถคันดังกล่าวอย่างรวดเร็ว

เจ้าหน้าที่เฝ้ารอให้ขนยางพาราแผ่น ขึ้นจนเต็มรถ จากนั้น จึงแสดงตัวเข้าทำการจับกุมและสามารถยึด รถกระบะ 1 คัน บรรทุกยางพาราแผ่นดิบ น้ำหนักประมาณ 3,000 กก. ผู้ต้อองหาชาวไทยและแรงงานชาวเมียนมา รวม 8 คน ส่วนเรือหางยาว ได้หลบหนีข้ามกลับไปยังฝั่งประเทศเมียนมา

จากการสอบสวนเบื้องต้น แรงงานผู้กระทำความผิดทั้ง 7 คน ให้การยอมรับว่า เป็นคนงานรับจ้างตักปาล์มน้ำมัน วันละ 450 บาท วันว่างเว้น ก็มารับจ้างขนยางพาราแผ่นดิบ จนกระทั่งถูกจับกุม

ซึ่งต่อมามี นายเอ (นามสมมุติ) ชาวไทย อายุ 34 ปี มาแสดงตัวกับเจ้าหน้าที่ว่า ตนเป็นเจ้าของยางพาราที่ถูกตรวจยึด โดยรับซื้อยางจาก พ่อค้ายางพาราชาวเมียนมา ชื่อ “อ่าว” หมู่บ้าน ตลิ่งชัน อ.เขม่าจี จ.เกาะสอง ประเทศเมียนมา ราคา ก.ก. ละ 39 บาท ก่อนมาขายที่ร้านรับซื้อยางฝั่งไทย ก.ก. ละ 42 บาท ได้กำไร 9,000 บาท/เที่ยว โดยหักรายจ่ายค่าจ้างแรงงานในการขนยางพาราแผ่นดิบขึ้นรถยนต์ คนละ 450 บาท และยังจ่ายค่าคนดูต้นทาง เฝ้าสังเกตการณ์เจ้าหน้าที่อีกคนละ 500 บาท

เจ้าหน้าที่ทหารชุดจับกุม ได้แจ้งข้อกล่าวหา ผู้กระทำความผิด ได้ร่วมกันลักลอบนำสินค้าทางการเกษตรเข้ามาในประเทศไทยโดยไม่ผ่านกระบวนการทางศุลกากร พร้อมนำของกลางยางพารา และรถยนต์ ที่ยึดมาได้ ส่งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป