พิธา ฝาก ‘เศรษฐา’ นโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นอาจล่าช้า เหตุต้องแก้ข้อกฎหมาย เชื่อ ก้าวไกล-เพื่อไทย เป้าหมายหยุดรัฐประหารเหมือนกัน ไม่หวั่นตัดคะแนนกันเอง
เมื่อวันที่ 7 เม.ย.2566 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย ประกาศนโยบายเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาทให้คนไทยว่า พรรคก้าวไกล ตั้งใจจะใช้เทคโนโลยีแก้ปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องอยู่แล้ว เช่น นโยบายหวยใบเสร็จ ทุกครั้งที่ใช้แอพเป๋าตังที่มีอยู่ซื้อของจากผู้ประกอบการรายย่อยครบ 500 บาท สามารถเอาใบเสร็จไปแลกเป็นหวยได้
สิ่งที่ต้องลงรายละเอียดกับนายเศรษฐา หากร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลก็มี 2-3 อย่างคือ ความรวดเร็วในการใช้เงินดิจิทัล นอกจากนี้ยังมีข้อกังวลเรื่องข้อกฎหมาย พ.ร.บ.สินทรัพย์ดิจิทัล จะแก้ไขให้เข้ากับนโยบายทันหรือไม่ ซึ่งภายใน 100 วันแรกแก้ไขไม่ทันแน่นอน ตนคิดว่าสิ่งใดที่ประชาชนคุ้นชินอยู่แล้ว เช่น แอพเป๋าตังก็นำมาทำให้ดีขึ้น เชื่อว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ โดยไม่ได้เก็บภาษีเพิ่ม
เมื่อถามถึงเสียงวิจารณ์ว่านโยบายดังกล่าวไม่ต่างกับการแจกเงิน นายพิธา กล่าวว่า เรื่องเม็ดเงินไม่เป็นปัญหา ตนคิดว่าประเทศไทยมีเงินพอดูแลคนทั้งประเทศได้ สิ่งสำคัญคือไม่ใช่การกู้เงินมาอย่างเดียว รอให้เศรษฐกิจโตอย่างเดียว มันคือการรอน้ำบ่อหน้า หวังเศรษฐกิจเติบโตแล้วเราจะมีงบ แต่สิ่งที่เราต้องทำคือ ต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางภาษี เช่น ลดภาษีให้พี่น้อง SME เช่นจาก 20% ให้เป็น 15% ให้คนตัวเล็กตัวน้อยไม่ต้องมีภาระทางภาษีมาก ขณะเดียวกันต้องขึ้นภาษีทุนใหญ่
นายพิธา กล่าวว่า การที่บอกว่ามีเงินเพราะเศรษฐกิจจะโตในอนาคต ถือเป็นการหวังน้ำบ่อหน้า แต่พรรคก้าวไกลเอาปัจจุบันเป็นตัวตั้ง ไม่ว่าเศรษฐกิจโลกจะมาอย่างไร โควิดจะมาอีกรอบ หรือเงินเฟ้อจะเป็นอย่างไร เราก็ยังมีความสามารถจัดงบประมาณโดยไม่ต้องแก้กฎหมาย ตนเห็นด้วยว่าเทคโนโลยีเป็นสิ่งสำคัญแต่ขณะเดียวกัน ปีศาจก็อยู่ในรายละเอียด คงต้องนั่งลงหารือร่วมกัน
“ความเดือดร้อนเป็นเรื่องของวันนี้ พรุ่งนี้ หากมานั่งแก้กฎหมาย มานั่งทำเทคโนโลยีใหม่ ก็กลัวว่าจะไม่ทัน คงจะเอาประชาชนเป็นตัวตั้ง หากมีโอกาสก็จะแลกเปลี่ยนกัน” นายพิธากล่าว
เมื่อถามถึงนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กไม่เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะทำนโยบายหยุดรัฐประหารสำเร็จ นายพิธากล่าวว่า คิดว่าเป้าหมายของพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลเหมือนกันคือ หยุดรัฐประหาร หากใครรู้จักนายปิยบุตรดี จะรู้ว่านายปิยบุตร พูดเกี่ยวกับหลักการ
“หากดูให้ดี ตอนที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พูดเรื่องกลับบ้าน ก็เป็รนายปิยบุตร ที่บอกว่ากลับได้ แล้วบอกว่ากฎหมายอย่ามารังแกกัน หรือตอนที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ทำงาน ก็เป็นนายปิยบุตรที่ให้กำลังใจ ฉะนั้น เรื่องนี้ต้องแยกออกให้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องของระบบที่ต่างคนต่างนำเสนอให้ไปถึงเป้าหมายเดียวกันในการหยุดรัฐประหาร จึงอยากให้เห็นความสม่ำเสมอ และความตั้งใจจริงของนายปิยบุตร ในการทำให้ประชาธิปไตยเต็มใบ” นายพิธากล่าว
ส่วนจะเป็นปัญหากับพรรคเพื่อไทยในอนาคตหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า หากเอาประชาชนเป็นตัวตั้ง และมองภาพใหญ่มากกว่าภาพเล็ก ตนคิดว่าไม่ได้เป็นปัญหา สิ่งที่ควรต้องทำคือต้องร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยการทำประชามติอย่างไร จะลดอำนาจของกองทัพลงได้อย่างไร ตนมั่นใจว่าจะหยุดรัฐประหารได้ หากมีเจตจำนงที่มากพอ
“สิ่งที่เรานำเสนอ ไม่ได้มาจากดาวอังคารหรือเป็นไปไม่ได้ เราศึกษามาแล้วว่าประเทศอื่นเขาอยู่อย่างไรและเจริญได้อย่างไร” นายพิธากล่าว
เมื่อถามว่านโยบายพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลคล้ายกันมาก จะตัดคะแนนเสียงกันเองหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ไม่ได้ตัดคะแนนกัน เพราะการเป็นรัฐบาลผสม แต่ละพรรคก็มีนโยบายต่างประเทศต่างสีต่างเฉด อาจไปในทิศทางเดียวกัน แต่หากลงรายละเอียดก็แตกต่างกันมากพอสมควร เช่น การเลือกตั้งผู้ว่าฯ