ความคืบหน้า กรณี กำนันนก วันนี้ (9 ก.ย.2566) พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ยื่นคำร้องต่อศาลอาญา ขอฝากขังครั้งแรก นายปวีณ จันทร์คล้าย หรือ ‘กำนันนก’ อายุ 34 ปี ผู้ต้องหา ถูกกล่าวหาคดี เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามฆ่าผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80,84
พนักงานสอบสวนขอฝากขังเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 9 – 20 ก.ย.นี้ ซึ่งท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวนได้ขอคัดค้านการให้ประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจาก ผู้ต้องหาเป็นกำนัน ต.ตาก้อง อ.เมือง นครปฐม จ.นครปฐม มานานประมาณ 9 ปี ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานปกครอง มีอำนาจหน้าที่จับกุมผู้กระทำความผิด และมีอำนาจสืบสวนเฉพาะในเขตพื้นที่ของตน แต่กลับกระทำตนเป็นผู้มีอิทธิพล มีความสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในหลายพื้นที่ สามารถโน้มน้าวชักชวนให้ข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่และระดับต่าง ๆ รวมถึงข้าราชการอื่น มาร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ ในโอกาสต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างบารมีของตน ซึ่งบางนายอยู่ในที่เกิดเหตุ
และเห็นเหตุการณ์ อีกทั้งสนิทสนมกับนักการเมืองท้องถิ่นและนักการเมืองระดับชาติ มีการใช้อำนาจบารมี ขอให้ผู้ตายย้ายข้าราชการตำรวจที่ตนรู้จัก เมื่อไม่ได้รับการตอบสนอง จึงมีพฤติกรรมอุกอาจ ใช้ให้ผู้อื่น ยิงผู้ตายซึ่งเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกจำนวนหลายนาย ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่อุกอาจไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย
และภายหลังเกิดเหตุ ยังได้มีการสั่งให้ทำลายพยานหลักฐานโดยการล้างคราบเลือด เก็บปลอกกระสุนปืน ถอดเซิร์ฟเวอร์ของกล้องวงจรปิดและหลบหนีไป
- ด่วน! ออกหมายจับ ตร. 4 นายที่บ้าน กำนันนก พบอาวุธที่ใช้ยิงคือของ ตร.
- วิโรจน์ ก้าวไกล เปิดคลิป! ตร.แห่ซูฮก กำนันนก กินเลี้ยงเฮฮา
- ผู้การทางหลวง ตอบแล้ว! ทำไมไม่จับกุม ‘หน่อง ท่าผา’ ทันที หลังก่อเหตุ
ประกอบกับเป็นคดีที่มีอัตราโทษจำคุกสูงสุดถึงประหารชีวิต และพนักงานสอบสวนจำต้องทำการสอบสวนสอบพยานที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกจำนวนหลายปาก หากมีการปล่อยตัวชั่วคราวเกรงว่าจะเป็นอุปสรรคหรือเกิดความเสียหายต่อการสอบสวนผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิง หรือข่มขู่พยาน หรือก่อเหตุอันตรายประการอื่นศาลอาญา มีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาได้ตามคำร้อง
ทางด้าน ปุ่น ศิธา ทิวารี พรรคไทยสร้างไทย ก็ได้ออกมาพูดถึงประเด็นดังกล่าวเช่นกัน โดย ปุ่น ศิธา นั้นมองว่าเรื่องนี้อาจจะมองได้ว่าคือ การล้ำเส้นของระบบ อุปถัมภ์-สมยอม ต่อกฎหมายบ้านเมือง ขั้นอุกฉกรรจ์ ซึ่ง ปุ่น ศิธา ระบุข้อความไว้ว่า
ระบบ อุปถัมภ์-สมยอม 3 ด้านหลักๆ ที่ทำให้ประเทศไทยไม่พัฒนา คือ เงิน-อำนาจ-Connection
แยกเป็นคน 3กลุ่มคือ นายทุน-ผู้ถืออำนาจรัฐ-เครือข่ายผลประโยชน์
ในความเป็นจริง มันเลวร้ายยิ่งกว่าเหตุการณ์ที่เป็นข่าว เพราะมันเกิดขึ้นกับทุกระดับในระบบราชการ อันเกิดจาก เครือข่ายนายทุน เจ้าหน้าที่รัฐ และนักการเมืองไทย
พูดให้ชัดก็คือ มันคือพฤติกรรมเลียนแบบของ #ระบบอุปถัมภ์ ที่ผู้กุมอำนาจรัฐระดับบนทำได้ ระดับต่อๆไปจนถึงล่างสุดก็ทำตาม ถ้าไม่มีความจริงใจที่จะทำลายโครงข่ายนี้ให้ได้ นายกจะเก่งแค่ไหน ก็อย่าหวังจะพัฒนาประเทศ
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่น ๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY