หลังจากที่ถูกแอตเลติโก้ มาดริด เบียดคว้าแชมป์ไปเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ถึงเวลานี้เป็นภารกิจหนักของทั้ง เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า ในการทวงคืนความยิ่งใหญ่ในวงการฟุตบอลสเปนกลับคืนมา บัลลังก์แชมป์ลาลีกาฤดูกาลนี้จะเป็นของทีมใดน่าสนใจยิ่งนัก?
“ราชันชุดขาว” ได้เปรียบตรงได้ คาร์โล อันเชล็อตติกุนซือจอมเก๋าซึ่งรู้สึกทุกซอกทุกมุมของสโมสรดีอยู่แล้วกลับมาคุมทัพ แต่งานของเขาอาจไม่ใช่ง่ายเสียทีเดียว เพราะการผ่องถ่ายเลือดของนักเตะยุคเก่าออกยังคงต้องดำเนินต่อไป เริ่มจาก เซอร์คิโอ รามอส, ราฟาเอล วาราน ไปแล้วยังมีอีกหลายคนที่ต้องปลดระวางและหาตัวแทน ตั้งแต่ มาร์เซโล่, ลูก้า โมดริช, แกเร็ธ เบล และ โทนี่ โครส
นอกจากนี้ยังต้องประเมินผลงานของ เอแด็น อาร์ซาร์ ด้วยที่ซื้อมาด้วยค่าตัวและค่าเหนื่อยแสนแพง แต่ยังไม่สามารถโชว์ความคุ้มค่าเพราะเจออาการบาดเจ็บเล่นงานแบบเรื้อรัง จนต้องไปใช้เวลานอกสนามมากกว่าลงเล่น รวมทั้ง ลูก้า โยวิช อีกคน
ทั้งหมดยังเป็นเรื่องที่ต้องตัดสินใจ รวมทั้งการดึงตัว คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ด้วยราคาระดับ 170 ล้านยูโรจากเปแอสเช แล้วสโมสรยังไม่สามารถปล่อยนักเตะค่าเหนื่อยแพงๆออกไปได้ อาจเกิดปัญหาเรื้อรังแบบคู่ปรับอย่าง บาร์เซโลน่า กำลังเผชิญอยู่ก็เป็นได้
การได้ เอ็มบัปเป้ มาเป็นเรื่องน่าตื่นตาตื่นใจ แต่ผู้เล่นอย่าง “โปรเบล” ซึ่ง “อันเช่” กลับมาให้โอกาสเป็นตัวจริงอีกทั้งทางกราบขวาก็คงไม่ยอมไปไหน เพราะรับค่าเหนื่อยจนสะดือบวมระดับ 600,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ จะหาทีมมารับช่วงต่อก็คงยาก หรือต้องรอจนกว่าสัญญาจะหมดอายุไป
จะว่าไปแล้ว อันเชล็อตติ ต้องกลับมาแก้ปัญหาที่ตัวเองก่อไว้แท้ๆ เพราะตัวเขาเองเป็นคนดึงเบล เข้ามาเองเมื่อปี 2013 ก่อนที่ ซีดาน จะมารับตำแหน่งแล้วไม่ค่อยโปรดใช้งานกองหน้าชาวเวลช์ผู้นี้สักเท่าไหร่ เลยกลายเป็นปัญหาคาราคาซังต่อเนื่อง
ข้ามมาดูทางฝั่งแคว้นคาตาลัน บาร์เซโลน่า ยังคงเหมือนคนป่วยซมไปด้วยพิษไข้ หลังจากไม่สามารถยื้อ ลิโอเนล เมสซี่ ซูเปอร์สตาร์ของทีมเอาไว้ได้ ตอนนี้ยังต้องพยายามเจรจาเพื่อลดค่าเหนื่อยของ อองตวน กรีซมันน์ กับ เฟลิปเป้ คูตินโญ่ หลังจากประธานสโมสรอย่าง โจน ลาปอร์ต้า เพิ่งจะออกมาประกาศว่าทีมมีหนี้สินสูงถึง 1.15 พันล้านปอนด์ ซึ่งก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า ผู้บริหารชุดเก่าปล่อยให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?
การเสีย เมสซี่ ไปนั้นจะทำให้ บาร์ซ่า ไม่มีวันเหมือนเดิม ขึ้นอยู่กับว่า โรนัลด์ คูมันน์ เฮดโค้ชจะทำให้หนักกลายเป็นเบาได้ขนาดไหน?
ทีม (อดีต) เจ้าบุญทุ่ม นั้นต้องเผชิญปัญหาเดียวกับ ทีมชุดขาว เรื่องการมีนักเตะที่ไม่สามารถช่วยทีม แต่ค่าเหนื่อยแพงมหาศาล อย่าง คูตินโญ่, อุสมัน เด็มเบเล่, มิราเล็ม ปานิช และ ซามูแอล อุมติตี้ จากนโยบายการซื้อตัวแบบทุ่มไม่ดูตาม้าตาเรือ นี่ขนาดปล่อยออกไปได้บางส่วนแล้ว
การขาย เนมาร์ ให้เปแอสเช ได้เงินมา 222 ล้านปอนด์ กลับกลายเป็นทุกขลาภมหันต์สำหรับ บาร์ซ่า เพราะพวกเขาใช้เงินเหล่านั้นอย่างสะเปะสะปะ นอกจากไม่ได้กำไรแล้ว ยังขาดทุนป่นปี้ในระยะยาว ดูแล้วปัญหาน่าจะหนักกว่า เรอัล มาดริด หลายเท่า
สุดท้ายแล้วสองสโมสรนี้ไม่ว่าใครจะกลับสู่ความยิ่งใหญ่ได้ก่อนกัน แต่สามารถกลายเป็นกรณีศึกษาได้เลยว่า ฟุตบอลยุคนี้ ยุคค่าเหนื่อยนักเตะแพงมหาศาลเกือบจะเกินค่าตัวอยู่แล้วเนี่ย การบริหารจัดการเรื่องการซื้อขายและต่อสัญญาจะต้องมองอนาคตให้เป็นไปอย่างรอบคอบสุดๆ ใช้อารมณ์ไม่ได้เป็นอันขาด ที่สำคัญต้องเน้นความสำคัญของทีมมากกว่าเชิดชูซูเปอร์สตาร์เป็นรายบุคคล
มิฉะนั้น..ไม่ว่าจะสโมสรนั้นจะรวยระดับไหน หายนะอาจมาเยือนได้ไม่ยาก!