ไวรัล เด็กชาย 8 ขวบ นั่งคนเดียวตอนตี 4 ในโรงพยาบาล รู้กำลัง "รอใคร" คนนับหมื่นเศร้าตาม

Home » ไวรัล เด็กชาย 8 ขวบ นั่งคนเดียวตอนตี 4 ในโรงพยาบาล รู้กำลัง "รอใคร" คนนับหมื่นเศร้าตาม
ไวรัล เด็กชาย 8 ขวบ นั่งคนเดียวตอนตี 4 ในโรงพยาบาล รู้กำลัง "รอใคร" คนนับหมื่นเศร้าตาม

เด็กชาย 8 ขวบ นั่งรอหน้าห้องผ่าตัดคนเดียวตอนตี 4 เผยเบื้องหลังเข้า-ออกโรงพยาบาลตั้งแต่เด็กๆ ทั้งชื่นชมทั้งเศร้าใจ

ตามรายงานของเว็บไซต์ข่าว SOHA ล่าสุดโซเชียลเน็ตเวิร์กของจีน ให้ความสนใจอย่างมากกับคลิปบันทึกเหตุการณ์ภายในในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองอู่ฮั่น หูเป่ย มีเด็กชายวัย 8 ขวบคนหนึ่ง ยืนอยู่หน้าห้องผ่าตัดตามลำพังในช่วงเวลาตี 4 เมื่อรู้เบื้องหลังยิ่งทำให้ชาวเน็ตนับหมื่นเศร้าใจ

หากสอบถามจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล เป็นที่รู้กันว่าเด็กชายติดตามพ่อของเขามาโรงพยาบาลเป็นเวลา 6 ปีแล้ว หรือตั้งแต่อายุได้เพียง 2 ขวบเท่านั้น เมื่อพ่อได้รับการวินิจฉัยว่า “ไตวาย” เนื่องจากเหตุผลด้านสุขภาพเช่นนี้ ทำให้เขาถูกไล่ออกจากโรงงานและสูญเสียแหล่งรายได้ เขาหย่าร้างกับภรรยา อีกทั้งยังมีแม่ที่ป่วยหนักเช่นกัน ทำให้คนหาเลี้ยงครอบครัวในเวลานี้คือพ่อที่แก่ชรา แทนที่จะใช้ชีวิตสบายๆ แต่เพราะรักลูกๆ หลานๆ เขายังคงทำงานหนักเพื่อหาเงิน

ทุกครั้งที่ไปรับการรักษาจะใช้เวลานานมาก ตั้งแต่ครั้งแรกลูกยังอายุเพียง 2 ขวบกว่า เขาไม่สบายใจที่จะทิ้งลูกไว้ที่บ้านตามลำพัง จึงพาลูกไปที่โรงพยาบาลด้วย และเป็นเช่นนั้นต่อมาเรื่อยๆ จนกลายเป็นว่าในตอนนี้เด็กชายเป็นฝ่ายดูแลพ่อแทนเสียแล้ว ไม่น่ามานี้สถานการณ์ยิ่งย่ำแย่ เมื่อแพทย์ตรวจพบว่าเขาเป็นโรคไทรอยด์ และสั่งผ่าตัดโดยเร็วที่สุด ซึ่งในวันผ่าตัดนั้นเขาและลูกชายขึ้นรถบัสจากเหอเป่ย ไปยังโรงพยาบาลในอู่ฮั่น และลูกชายก็รออยู่นอกห้องผ่าตัดคนเดียวตลอดทั้งคืน

เด็กชายวัย 8 ขวบต้องพักเรื่องการเรียน เพื่อออกมาดูแลพ่อของเขา กลายเป็น “ผู้ช่วย” ที่อายุน้อยที่สุดในโรงพยาบาล ทุกวัน นอกเหนือจากการเข็นรถเข็นของพ่อไปมาระหว่างห้องตรวจภายในโรงพยาบาลแล้ว เขายังช่วยหาอาหาร ช่วยพ่อแต่งตัว ดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลของพ่อ พูดง่ายๆ ก็คือสิ่งที่พ่อไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง เขายินดีจะช่วยพ่อทำทุกอย่าง ในอีกมุมหนึ่งอาจกล่าวได้ว่าเขาเข้าใจสิ่งต่างๆ มากกว่าเด็กในวัยเดียวกัน

ซึ่งผู้เป็นพ่อก็บอกว่าลูกชายเป็นเด็กดีมาก แม้จะเติบโตมาในสถานการณ์เช่นนี้ แต่ก็ไม่เคยเห็นแสดงอาการโกรธเคืองเลย อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะรู้สึกชื่นชมในความกตัญญู แต่ก็รู้สึกเศร้าเสียใจแทนลูกชาย “ในวัยนี้เขาไม่ควรจะต้องทนอะไรมากมายเช่นนี้” ดังนั้น หากเป็นไปก็ปรารถนาให้ลูกของเขาเติบโตอย่างไร้กังวลเหมือนเด็กคนอื่นๆ

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ