เสี่ยหนุ่ม เปิดใจปม เผาศาลพระภูมิ ไม่เกี่ยวกับเรื่องหวย เผย ถูกผีตามรังควาน โดนคนทำของใส่ ฝังบาตรแตกไว้ใต้ดินหน้าบ้าน ทำครอบครัวมีปัญหา
จากกรณี นายนิกร ทองฟู อายุ 40 ปี เจ้าของบ้านพัก หมู่ 13 ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จุดไฟเผาศาลพระภูมิทรงเรือนไทยของตัวเองจนวอดทั้งหลัง โดยมีน.ส.เบนโจ วิสายอน อายุ 27 ปี ญาติเจ้าของศาลถ่ายคลิปแล้วเอาไปลงใน Tik Tok สาเหตุเพราะไม่พอใจศาลพระภูมิที่ตั้งมานานกว่า 3 ปี แต่ไม่เคยถูกหวย ทั้งที่ถวายน้ำแดงทุกวันพระและวันหวยออก มาแค้นตรงงวดล่าสุดได้จากศาลพระภูมิมา 537 แต่หวยกลับออก 957 ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น อ่านข่าว : ชาวบ้านงง เจ้าของ ‘เผาศาลพระภูมิ’ แต่พอรู้เหตุผลก็ขำ บอกสิทธิของเขาเลย
ล่าสุดวันที่ 19 ก.พ.2565 นายนิกร ทองฟู อายุ 40 ปี เสี่ยหนุ่มเจ้าของธุรกิจแว่นตา กล่าวถึงสาเหตุที่จุดไฟเผาศาลตายาย ว่า ความจริงแล้วไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องหวย เพราะส่วนตัวเป็นคนไม่ชอบซื้อหวยอยู่แล้ว แต่น้องที่เขาเอาไปลง TikTok อาจจะลงเพื่อความสนุกขำ ๆ เท่านั้น ซึ่งตนก็ไม่ได้อยากให้เกิดกระแสอยู่แล้ว จริง ๆ ส่วนตัวเป็นคนเชื่อเรื่องวิทยาศาสตร์มากกว่าไสยศาสตร์ แต่ยอมรับว่าเป็นคนเผาศาลตายายเอง
“โดยสาเหตุที่เผาก็เพราะเมื่อ 3 ปีก่อนที่มาอยู่บ้านหลังนี้ ผมเคยเห็นผีผู้หญิงหัวขาดมาขอข้าวกินหรือเรียกว่าขอส่วนบุญ ซึ่งตอนนั้นยอมรับว่ากลัวเพราะยังไม่รู้ความจริงบางอย่าง จึงตัดสินใจตั้งศาลให้อยู่ก็มีการทำพิธีตั้งศาลเหมือนที่เขาทำกันทั่วไป หลังจากนั้นก็ไม่เจอผีผู้หญิงหัวขาดอีกเลย แต่กลับมีผีตนอื่นหรืออาจจะเป็นสัมพเวสีมาคอยตามหลอกรังควานด้วยการสื่อสารเป็นเสียงพูดหลายครั้ง ถ้าใครไม่เจอกับตัวก็คงจะคิดว่าตัวเองบ้า แต่ผมคิดว่ามนุษย์คนเรามีสัญญาณอะไรบางอย่างอยู่ในตัวทุกคนหรือเรียกว่า “โทรจิต” ซึ่งนอกจากจะถูกวิญญาณตามรังควานแล้ว ภรรยาก็ไปดูหมอเขาก็บอกว่ามีคนที่ไม่หวังดี ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเป็นใครแอบทำของใส่ ด้วยการฝังบาตรแตก ตะปู สายสิญจน์ เศษผ้า ไว้ใต้ดินหน้าบ้านอีกหลังหนึ่ง จนทำให้ครอบครัวมีปัญหาแตกแยก” นายนิกร กล่าว
นายนิกร กล่าวต่อว่า หลังจากที่ตนโดนผีตามรังควานจนวันหนึ่งได้ค้นพบความจริง ทำให้ไม่รู้สึกกลัวและไม่เชื่อเรื่องดังกล่าว จึงตัดสินใจเผาศาลตายายทิ้ง เพราะเลือกที่จะเชื่อเรื่องวิทยาศาสตร์มากว่าเรื่องไสยศาสตร์ ซึ่งหลังจากเผาศาลดังกล่าวก็ไม่ได้เกิดอาถรรพ์หรือสิ่งลี้ลับอะไรกับตนอีก แต่ยืนยันว่าที่จุดไฟเผาศาลตายายทิ้ง ไม่มีเจตนาจะหลบหลู่ความเชื่อความศรัทธาของใคร แต่เป็นเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนและครอบครัว จึงตัดสินใจทำเพราะคิดว่าทำไปแล้วจะสามารถปกป้องครอบครัวของตัวเองจากสิ่งลี้ลับที่เกิดขึ้นเท่านั้น
นายนิกร กล่าวอีกว่า แต่ยอมรับว่าที่ตนเผาศาลตายายคนที่เห็นก็คงจะรับไม่ได้ อาจจะคิดว่าเป็นสิ่งอัปมงคลเพราะคนไทยจะได้รับการปลูกฝังเรื่องความเชื่อแบบนี้มานาน จนบางคนมีการหากินกับความกลัวของคน อย่างไรก็ตาม เพื่อความสบายใจของคนในหมู่บ้าน ตนก็จะนำศาลตายายหลังใหม่มาตั้งให้แทนหลังเดิมที่ถูกไฟเผาไปแล้ว อ่านข่าว : หมอธรรมทักแรง! ตั้งศาลพระภูมิผิดหลัก เจ้าของเตรียมตั้งศาลใหม่-ใหญ่กว่าเดิม
ด้าน นายอินทร์ เพียขันทา อายุ 70 ปี พ่อพราหมณ์หรือหมอทำขวัญ กล่าวว่า คนภาคอีสานส่วนใหญ่จะนิยมตั้งศาลพระพรหม ศาลพระภูมิ หรือศาลตายายไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน สำนักงาน หรือสถานที่ต่าง ๆ เพราะมีความเชื่อว่าทุกที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกปักษ์รักษา หรืออาจจะมีวิญญาณ ปู่ย่า ตายาย บรรพบุรุษสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนั้น พอถึงวันสำคัญต่าง ๆ ก็จะทำพิธีกราบไหว้บูชาตามความเชื่อที่ถือปฏิบัติกันมาแต่โบราณ
นายอินทร์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่มีคนเผาศาลตายายนั้น ส่วนตัวไม่ขอวิจารณ์ถึงการกระทำของเขาเพราะเป็นความคิดเห็นความเชื่อของแต่ละบุคคล แต่ถ้าคนอื่นมองก็คิดว่าไม่ควรจะทำแบบนั้น คนที่เขาเชื่อหรือศรัทธาในเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็อาจจะกระทบต่อจิตใจ หากเป็นไปได้ก็อยากจะให้เลือกใช้วิธีอื่น
นายอินทร์ กล่าวอีกว่า เช่น อาจจะย้ายศาลไปไว้ที่อื่น หรือเลือกที่จะทำบุญบริจาคทานเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผีหรือวิญญาณต่าง ๆ ที่มาปรากฏให้เราเห็น เชื่อว่าเรื่องร้ายที่พบเจออาจจะกลายเป็นดีขึ้น แต่การที่เผาศาลทิ้งแล้วจะเจออาถรรพ์หรือสิ่งไม่ดีหรือไม่นั้น ตนก็บอกไม่ได้ ก็ขึ้นอยู่กับความคิดหรือสิ่งที่เขากระทำว่าจะสะท้อนกลับมาในรูปแบบไหน เรื่องแบบนี้ขึ้นอยู่กับความเชื่อความศรัทธาของแต่ละบุคคล