ไมค์ พิรัชต์ เปิดใจรับเล่นเอ็มวี พีพี กฤษฎ์ เตรียมกลับมาทำงานที่ไทย
ปล่อยออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับเพลง “ลังเล” ผลงานล่าสุดของ พีพี กฤษฎ์ อำนวยเดชกร ภายใต้ PP Krit Entertainment ซึ่งเอ็มวีเพลงนี้ได้ ไมค์ พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล มาร่วมเล่นด้วย แถมกระแสแรงมากๆ ล่าสุด ไมค์ ได้ให้สัมภาษณ์ตรงจากประเทศจีน เกี่ยวกับการมาร่วมงานกับ พีพี และแง้มว่า ปีนี้จะมีผลงานในไทยมากขึ้น
การมาร่วมงานกับพีพี?
“ไปถ่ายเอ็มวีกับพีพีชื่อเพลง ลังเล คือพี่เบล สุพล เราก็รู้จักกันอยู่แล้ว เขามาชวนว่ามาเล่นเอ็มวีไหมเพราะว่ากลับไทยพอดี เพราะว่าส่วนตัวไมค์เองก็แอบชื่นชมผลงานของน้องพีพีอยู่แล้วด้วย แล้วน้องก็เป็นคนเก่งมากด้วย ไหนๆกลับมารอบนี้ เราก็มีโอกาสก็ร่วมงานกันสักหน่อย”
ก่อนหน้านี้เคยเจอหรือเคยร่วมงานกันมาก่อนไหม?
“ไม่เคยเลยครับ อันนี้คือครั้งแรกเลย แล้วก็เป็นการเจอกันครั้งแรกเหมือนกัน”
ตอนเขาติดต่อมาตอบรับเลยไหม?
“คือตอนแรกก็ดูเรื่องคิวตารางการจัดงานว่ามันเป็นไปได้แค่ไหน แล้วพอเวลามันตรงกันพอดีก็เลยไปให้ได้ครับ”
เขาได้บอกเหตุผลถึงการเลือกเราไปเล่นเอ็มวีไหม?
“อันนี้ไม่รู้ค่ะต้องไปถามเขา(หัวเราะ)”
แล้วทำงานร่วมกันเป็นยังไงบ้าง?
“พีพีคือเขาขี้แกล้งครับ คือจริงๆมีเวิร์กช็อปกันด้วย ตอนไปเวิร์กช็อปครั้งแรกก็เจอน้องเขาแกล้ง เราไปไม่เป็น (เห็นเขียนถึงเขายาวเลย?) ผมก็เขียนความประทับใจตอนที่ทำงานด้วยกันเพราะว่าต่อให้น้องจะขี้แกล้งแค่ไหน เวลาเข้าเซ็ตเข้าฉาก น้องเขาก็เป็นคนว่องไว”
อย่างตัว MV ก็มีซีนหวานมอง ตาเราเขินไหม?
“คือก็เขินบ้าง จริงๆเวลาจะมองคนได้นานๆมันก็ค่อนข้างยากสำหรับผมมากเลย แล้วเบื้องหลังการถ่ายทำเขาก็มีให้แข่งมองตากันด้วย ก็พยายาม แต่โชคดีที่มีการเวิร์กช็อปก่อนล่วงหน้า ก็ค่อนข้างที่จะคุ้นชินกันมากขึ้น แต่ถ้าไม่มีเวิร์กช็อปมาก่อนล่วงหน้าก็ไม่รู้ว่าในกองผมจะเล่นได้มากน้อยแค่ไหน?
ที่บอกว่าเราเขิน เป็นเพราะว่านิสัยส่วนตัวเราเขินหรือว่าเป็นเพราะเล่นกับน้องพีพีที่เราไม่ได้มีความสนิทสนมกันมาก่อน?
“อาจจะเป็นเพราะเราเป็นคนที่ Introverts อยู่แล้วกับการที่เราต้องต้องไปเล่นกับคนอื่นมากๆเราก็เลยต้องตื่นเต้นเกร็งนิดนึง แต่ว่าก็ผ่านไปได้ด้วยดีครับ”
หลังจากได้เห็นผลงานของตัวเองแล้ว ความรู้สึกเป็นยังไง?
“ก็ได้ดูเอ็มวีพร้อมกับทีมงานทุกๆคน เหมือนว่าตอนนั้นเราอยู่สยาม ก็ได้ดูพร้อมกับพีพีกับพี่เบลกับทีมงานทุกคนด้วย ก็รู้สึกว่ามันเป็นเอ็มวีที่แปลกใหม่ดีสำหรับตัวไมค์ เพราะว่าปกติเป็นคนที่จะนิ่งๆหน่อย แต่ด้วยเอ็มวีนี้ เราไปด้วยโจทย์ที่ว่า ปล่อยตัวให้สบายๆ ขึ้นหน่อย ก็เลยเน้นรีแล็กซ์ขึ้น ตอนที่เขาให้โจทย์เอ็มวีมา สำหรับไมค์ก็คือค่อนข้างยากเพราะว่าเขาจะให้พีพีนิ่งๆส่วนไมค์เป็นคนร่าเริง เป็น Extroverts ซึ่งมันมันก็เลยตรงข้ามกัน มันก็เลยมีการแซวๆกันในกองว่าจริงๆมันตรงกันข้ามเลยนะคาแร็กเตอร์ของแต่ละคน”
อย่างที่เราบอกว่าเป็น Introverts แล้วต้องมา Extroverts ภายในความรู้สึกของเรามันรู้สึกฝืนหรือเป็นยังไง ขยายความตรงนี้ให้ฟังหน่อยได้ไหม?
“มันก็ไม่ได้ฝืนแต่แค่เราไม่ชิน คือจริงๆมันก็เขินนั่นแหละครับ ในเอ็มวีส่วนใหญ่ก็จะเป็นหัวเราะจริง มันแทบจะไม่มีการแสดงเลย คือเขาอ่ะให้เราคุยเล่นกันของเราไป หัวเราะจริง”
ช่วงนั้นที่ถ่ายเอ็มวีคือช่วงไหน?
“น่าจะเป็นช่วงปลายมกราคม พอถ่ายเสร็จก็บินเรื่อยๆ”
การมาร่วมงานกับพีพีเป็นอย่างที่เราคิดไว้ไหม?
“ก็เป็นอย่างงั้นแหละครับ การที่เราได้เห็นข่าวตามสื่อก็มองว่าเขาเป็นคนที่อัธยาศัยดีเข้าถึงง่ายแล้วก็น่ารัก”
แล้วนอกจากความขี้แกล้งของเขาที่เราเจอ ในส่วนของการทำงานเขาจริงจังขนาดไหน?
“เขาจริงจังนะครับ แล้วก็มีความโปรเฟสชั่นแนล เก่งมากๆด้วย คือเขาเป็นคนที่อัธยาศัยดี เวลาทำงานผมเห็นบรรยากาศในการทำงานและคนรอบข้างก็คือทำงานด้วยรอยยิ้มทั้งงานและความสุขสนุกสนาน มันไม่ได้เป็นการทำงานที่รู้สึกเครียด มันเป็นการทำงานที่คนรอบข้างรู้สึกผ่อนคลาย”
พีพีชอบแกล้งอะไร?
“เอาไว้ไปดูเบื้องหลังแล้วกันไม่รู้ว่าเขาจะตัดเข้ามาหรือเปล่านะ (ชอบแกล้งชมว่าหล่อ?) ไม่ได้ยินคำว่าหล่อกับพีพี แต่คำว่าน่ารักก็มีบ้างครับ”
เห็นเอ็มวีก็มีซีนใหญ่เยอะพอสมควร ใช้เวลาการถ่ายทำเยอะไหม?
“ก็ไม่นานนะครับ อย่างพวกสะลิงที่ต้องขึ้น ตัวไมค์เคยทำมาแล้วมันก็ไม่ได้ยาก แต่พีพีเป็นครั้งแรก และไมค์รู้สึกว่าครั้งแรกของเขา เขาทำได้ดีมากเก่งมาก”
มองยังไง มาร่วมงานกันแล้วคนเชียร์ว่าเป็นคู่จิ้น?
“ผมว่าก็ไม่ได้เป็นคู่จิ้นขนาดนั้น แต่ก็ได้เห็นฟีดแบ็กก็ดีใจที่มีคนซัพพอร์ตพีพีเยอะขนาดนี้ ก็ดีใจที่ฟีดแบ็กตัวเอ็มวีค่อนข้างดีเลยครับ เมื่อวานก็เหมือนมีทีมงานส่งคอมเมนต์ของคนที่ดูบอกว่าเคมีปีศาจ อันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเคมีปีศาจคืออะไร น่าจะเป็นศัพท์ใหม่”
ส่วนตัวแล้วเคยเล่นเป็นพระเอกเอ็มวีมาก่อนไหม?
“คือเราเป็นนักร้องเราก็เล่นเอ็มวีให้แต่ตัวเอง”
ความที่เราไม่เคยเล่นเอ็มวีให้กับคนอื่นมาก่อนแล้วเรารับเล่นครั้งแรก ทำไมถึงเลือกเป็นพีพี มีอะไรดึงดูด เพลงหรือตัวของศิลปิน?
“อันนี้ตัวผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แค่ทำตามความรู้สึกเฉยๆทำตามเซ้นส์ของตัวเอง ฟังเพลงเราชอบแล้ว ด้วยความที่เป็นน้องพีพีด้วย แล้วก็ด้วยความที่เป็นพี่เบลด้วย แล้วก็เคยอยากจะทำงานร่วมกับพี่เบลสักครั้งหนึ่งด้วย ก็มีโอกาสได้เริ่มทำอะไรซักอย่างด้วยกันมันก็เป็นอะไรที่เราเคยมองไว้อยู่แล้ว”
มีโอกาสไหมที่จะให้พี่เบลทำเพลงให้?
“จริงๆผมก็คิดอยู่นะ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะให้ทำเพลงอะไร เพราะว่าตอนนี้ยังหาตัวเองไม่เจอ”
พอเพลงปล่อยออกมาได้ตามโจทย์ไหมเพราะไมค์เป็นพวกเพอร์เฟกชั่นนิสอยู่แล้ว การมาเล่นเอ็มวีมันมีการตั้งมาตรฐานไว้ไหมว่าต้องออกมาแบบไหน?
“เอาตรงๆ ผมไม่ได้มีการตั้งมาตรฐานไว้เลย และการมาเล่นเอ็มวีครั้งนี้จริงๆ ผมแค่อยากสนุกเฉยๆ อยากจะได้ลองอะไรท้าทายใหม่ๆ ด้วยแล้วอีกอย่างพี่เบลก็เป็นเพื่อนด้วย น้องพีพีก็น่ารักด้วย เลยคิดว่าเราแค่อยากจะมาขำๆ สนุกๆ กันครับผม มันอาจจะเป็นเพราะเหตุผลนี้ด้วยที่ผมไม่ได้มาด้วยความคาดหวังอะไร มันเลยออกมาธรรมชาติเพราะตอนถ่ายคัตส่วนใหญ่ที่เอามา เป็นคัตที่เล่นกันแบบเบื้องหลังเยอะเลย อย่างซีนนึงที่นั่งกันตรงนั้นตอนแรกก็ไม่มีผมนะ แต่ผมเดินเข้าไปแกล้งเอง เขาก็บอกตรงนี้แสงกำลังสวยเลยนั่งไหมเดี๋ยวถ่ายหน่อยหนึ่งเพิ่มไปเลย ค่อนข้างชิลเอ็มวีก็เลยออกมา สบายๆ ด้วยตัวไมค์ก็ไม่ได้เกร็งหรือต้องมาพยายามประดิษฐ์อะไรมากมายเป็นแบบสนุกสนานกันไป”
บอกมาตลอดว่าโดนน้องแกล้งแต่ก็มีแกล้งน้อง?
“(หัวเราะ) อันนั้นแหละที่แกล้งแล้วก็โดนลากเข้าไปถ่ายซีนอื่นๆ ต่อ จริงๆตอนนั้นคือพักอยู่ไม่ใช่ซีนผมเป็นซีนที่พีพีเขาต้องร้องเพลงลิปซิงก์ของเขาซึ่งตอนนั้นไมค์ก็กำลังกินน้ำอยู่แถวนั้นพอดีหรือทำอะไรอยู่ซักอย่าง ก็เลยอ่ะ..ชอบแกล้งคนอื่นใช่ไหม ต้องโดนแกล้งกลับ ผมก็เลยเดินไปข้างหลังแล้วก็แอบจ๊ะเอ๋เฉยๆ ครับ”
เขาเขินไหม?
“จำไม่ได้เหมือนกัน น่าจะไม่เขินครับ น่าจะกลายเป็นผมนี่แหละ (หัวเราะ)”
พอกระแสดีขนาดนี้โอกาสการร่วมงานครั้งต่อไปจะมีอีกไหม?
“อันนี้ก็ต้องดูสถานการณ์นะครับ เดี๋ยวอาจจะต้องรอคุยกับพี่เบลไหม (หัวเราะ) จริงๆก็มีแอบแซวๆ กันว่าจะต้องจัดซีรีส์สักเรื่องนึง แต่ก็ต้องดูสถานการณ์ดูเส้นทางพรหมลิขิตแล้วกันว่ามันจะเกิดขึ้นได้ไหม”
พูดเหมือนว่ามีโอกาสจะกลับมาทำงานที่ไทยเยอะขึ้น?
“จริงๆ แพลนของไมค์ปีนี้ว่าจะมีทำงานที่ไทยมากขึ้นตอนนี้ ด้วยความที่หลายๆ อย่างมันก็เริ่มเปิดแล้วการเดินทางมันก็ค่อนข้างง่ายขึ้นก็เลยคิดว่าในปีนี้อาจจะกลับมาทำงานที่ไทยมากขึ้นด้วย มีผลงานที่ไทยมากขึ้นด้วย เหตุผลด้วยเรื่องส่วนตัวบางเรื่องด้วย ที่อยากจะมาจัดการแล้วก็หลายหลายอย่างตรงนี้เลยคิดว่าในปีนี้คงจะอยู่ไทยมากขึ้นครับ”
อยากกลับมาทำอะไรบ้างละครหนังเพลง?
“ตอนนี้ไม่รู้เลยเอาจริงๆ ผมก็ไม่ได้กลับไทยมานานก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไร ก็คิดฟุ้งไปก่อนก็มีคุยเพลงอะไรไว้หลายอย่าง ละคร ซีรีส์ หนัง หรืออะไร ก็มีคุยไว้ แต่ตอนนี้ก็ยังไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองอยากจะทำอะไรกันแน่ แต่ว่าอันนี้รอให้มันเป็นรูปเป็นร่างก่อนแล้วเดี๋ยวเรามาอัพเดทกันอีกทีนึง”
ได้ข่าวว่ามีคนติดต่อเข้ามาเยอะ?
“ก็มีติดต่อเข้ามาครับ ก็เยอะเหมือนกันครับ”
เลือกรับงานในเมืองไทยยังไงบ้าง?
“ก็เป็นสแตนดาร์ดปกติครับผม มันอยู่ที่ผู้จัดการดีลเราก็จะไม่ไปยุ่งในส่วนนี้สักเท่าไหร่ แต่ในส่วนของผมน่าจะไปเรื่องของบทกับทีมที่จะร่วมงานด้วยมากกว่า หลักๆ ไมค์ค่อนข้างที่จะใช้ความรู้สึกในการตัดสินใจการร่วมงานการทำงานค่อนข้างเยอะ”
อย่างงั้นที่ไทยไม่สามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเองกับผู้จัดการส่วนตัวหรือเปล่า?
“จริงๆ มันมีหลายส่วนที่ต้องร่วมตัดสินใจกันครับเพราะมันจะพ่วงไปหลายอย่าง ทั้งงานที่ประเทศจีนที่ประเทศอื่นๆ มันจะต้องโคกันนิดนึง”
แต่ถ้ารับงานที่ไทยก็อาจจะต้องใช้ระยะเวลาการถ่ายทำที่ค่อนข้างนาน?
“อันนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องโคกับทางทีมงานว่าระยะเวลานี้พอได้ไหมหรือยังไง”
แฟนๆ ก็เรียกร้องเยอะอยากให้เรากลับมาทำงานในไทยบ้าง?
“ใช่ จริงๆ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะแฟนๆ ที่เรียกร้องนี่แหละครับก็เลยกลับมาที่ไทยด้วยส่วนนึงครับผม”
แล้วแบ่งสัดส่วนยังไงในการทำงานที่จีนที่ไทยต่างประเทศ?
“ไม่ได้แบ่งสัดส่วนที่ชัดเจนไว้นะครับ แต่อย่างที่บอกเลยปีนี้ก็คงมีผลงานในไทยมากขึ้น เพราะว่าส่วนตัวแล้วปีนี้อยากจะใช้เวลาในไทยให้มากขึ้นครับผม”
คือต้องบินไปกลับอย่างนี้ตลอด?
“จริงๆ ตั้งแต่ต้นปีมาก็บิน 4-5 รอบแล้วตอนนี้ก็อยู่เกาหลีมาคุยงาน”
แล้วถ้าเกิดมีงานที่ไทยจะมาอยู่ยาวเลยไหม?
“ก็คงบินไปบินมาครับผม (ไหวเนอะ?) ไม่ไหวก็ต้องไหว”
ไทม์มิ่งในการทำงานของเราปีนี้ก็มีหลายประเทศ?
“หลักๆ ก็คงมีในไทยค่อนข้างเยอะกว่าปีที่ผ่านมาที่ส่วนใหญ่จะอยู่ต่างประเทศอย่างเดียว แต่ปีนี้ก็จะมีเปิดที่จะรับงานที่ไทยบ้างครับผม ยังไงฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ”
แพลนไว้หรือยังว่าจะกลับมาเมื่อไหร่จะเริ่มทำอะไรบ้าง?
“ตอนนี้ยังครับผมแต่ถ้ามีแล้วเดี๋ยวมาอัพเดทกัน”
การที่จะได้เห็นผลงานไมค์ในไทยถ้าตามคาดการณ์เร็วสุดจะเมื่อไหร่?
“อันนี้ไม่รู้เลยจริงๆ ต้องรอดูเพราะตอนนี้คือทุกอย่างมันยังไม่เป็นรูปเป็นร่างแล้วก็ยังไม่รู้ว่ามันจะเมื่อไหร่อะไรยังไงครับ”
ถ้าเป็นงานหนังงานละครมีคิดไหมว่าอยากร่วมงานกับใครนางเอกคนไหน?
“ยังไม่มีคิดครับ ตอนนี้แค่รอให้ทุกอย่างมันลงตัว แล้วก็ส่วนตัวแล้วจริงๆ ก็อยากร่วมงานกับหลายคนนะครับในเมืองไทย ซึ่งจริงๆ ผมยังไงก็ได้เป็นคนสบายๆ ครับ”
ถ้าสมมติว่ามาทำงานที่ไทยเป็นหลักในปีนี้งานที่จีนจะหายไปไหม?
“ก็ไม่นะครับ จริงๆ ก็ยังติดต่อกันอยู่เรื่อยๆ ในส่วนของจีนปีที่แล้วก็มีไปออกรายการนู่นนั่นนี่ครับผม จริงๆ ตอนนี้ก็มีติดต่อมาแต่ช่วงนี้บินไปประเทศโน้นประเทศนี้ค่อนข้างบ่อยครับ”
ที่บินไปต่างประเทศบ่อยๆ เราไปทำงานอะไร?
“ส่วนใหญ่เป็นประชุมครับตอนนี้คือโปรเจ็กต์ที่เราต้องไปเจอไม่ว่าจะเป็นนักลงทุน โปรดิวเซอร์ ผู้จัด หรืออะไรพวกนี้หรือพวกบริษัทครับผม ก็เป็นบิสซิเนสทริปครับหาคอนเน็กชั่นไปเรื่อยครับ”
จริงๆเราต้องไปร่วมในทุกมีตติ้งเลยไหมเพื่อให้รู้ความคืบหน้า?
“จริงๆ ไม่จำเป็นก็ได้ครับแต่ด้วยความที่ผมต้องการรู้ทุกเนื้อหาของชิ้นงานก็เลยต้องไปทุกรอบครับ (มันเป็นข้อดีอย่างหนึ่งในการที่เรารู้ตั้งแต่เริ่มต้นเลย?) ใช่ครับ แล้วก็ได้ไปเจอกับคนที่เรามีเปอร์เซ็นต์ที่จะร่วมงานด้วยเราจะได้รู้ว่าคนนี้เรารู้สึกยังไงถ้าจะร่วมงานด้วยครับ”
มันไหวไหมกับร่างกายเราที่ต้องเวิลด์ทัวร์ตลอด?
“จริงๆ ก็ง่วงอยู่ครับ (หัวเราะ) แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะว่าเรายัง อ่อ..ก็ไม่เนอะ ก็ 30 กว่าละ (ยิ้ม) ก็พอได้อยู่ไม่รู้สึกว่าเหนื่อยอะไรขนาดนั้น”
ฝาก?
“ก็ฝากผลงานล่าสุดด้วยนะครับไปเป็นพระเอกเอ็มวีให้กับพีพี เพลงลังเลนะครับผม น้องน่ารักมากเพลงเพราะมากเลยนะ ยังไงก็ฝากผลงานน้องพีพีด้วยแล้วก็ไมค์ก็ฝากตัวกับมัมหมีทั้งหลายของน้องพีพีด้วยนะครับผม แล้วก็ฝากผลงานในอนาคตที่จะเกิดขึ้นของใหม่ด้วยครับ”