สหรัฐตั้งข้อหาพยายามฆ่า และก่ออันตรายโดยประมาท รวมถึงก่ออันตรายต่อเครื่องบินต่อ นายโจเซฟ เดวิด เอเมอร์สัน อายุ 44 ปี นักบินที่ไม่อยู่ระหว่างการปฏิบัติงาน หลังเขาพยายามที่จะดับเครื่องยนต์ ระหว่างที่เครื่องบินอยู่กลางอากาศ
สำนักข่าวรายงานว่า นายเอเมอร์สัน เป็นนักบินที่ไม่ได้อยู่ระหว่างการปฏิบัติงาน (off-duty pilot) และโดยสารเครื่องบินในฐานะ “ผู้โดยสารที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว” ได้พยายามปิดการใช้งานเครื่องยนต์ ของเครื่องบินเจ็ตคู่เอ็มบราเออร์ 175 สายการบินอะแลสกา แอร์ไลน์ส ขณะบินอยู่เหนือระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 18,000-51,000 ฟุต
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ขณะเครื่องบินกำลังมุ่งหน้าจากวอชิงตัน ไปยังนครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยมีผู้โดยสารอยู่บนเครื่อง 80 คน ซึ่งหลังเกิดเหตุเครื่องบินได้เปลี่ยนเส้นทางไปลงจอดที่เมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน และผู้ก่อเหตุถูกควบคุมตัวไว้
แถลงการณ์ของอะแลสกา แอร์ไลน์ส ระบุว่า กรมตำรวจพอร์ตแลนด์ และสำนักงานสืบสวนสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) กำลังดำเนินการสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้น และว่า ผู้โดยสารทุกคนปลอดภัยดี และสามารถเดินทางต่อไปได้ด้วยเที่ยวบินหนึ่งหลังจากนั้น
ขณะที่เอฟบีไอ ระบุว่า กำลังสืบสวนและสามารถรับรองกับประชาชนที่เดินทางได้ว่าจะไม่มีภัยคุกคามที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้อีกต่อไป
ทั้งนี้ นายเอเมอร์สัน พยายามที่จะดับเครื่องยนต์ ด้วยการเปิดใช้งานระบบดับเพลิงอัตโนมัติ ขณะเครื่องบินอยู่ที่ระดับความสูง แต่พวกลูกเรือสามารถทำให้บุคคลรายนี้สงบลง และพาตัวเขาออกจากห้องนักบิน โดยไม่เกิดอันตรายใด ๆ
ในเทปบันทึกเสียงของหอควบคุมการจราจรทางอากาศนั้น นักบินรายหนึ่ง แจ้งว่า “เรานำคนที่พยายามจะดับเครื่องยนต์ ออกจากห้องนักบิน ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ก่อปัญหาใด ๆ ที่ด้านหลัง ผมคิดว่าเขาถูกควบคุมแล้ว เราต้องการเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทันทีที่เราลงแตะพื้น และเข้าจอด”
ส่วนเรื่องที่ว่า ทำไมนักบินรายนี้ถึงสามารถเข้าไปนั้งในห้องนักบินได้นั้น รายงานข่าวระบุว่า แนวทางปฏิบัติตามมาตรฐานทั่วไปนั้น นักบินซึ่งไม่ได้อยู่ในหน้าที่ จะเข้าไปนั่งในห้องนักบิน บริเวณเก้าอี้ด้านหลังที่นั่งของกัปตัน และนักบินผู้ช่วย เพื่อเดินทางกลับบ้าน หรือไปรับงานที่ได้รับมอบหมายสำหรับควบคุมเที่ยวบินอื่น
เบื้องต้น เขาถูกตั้งข้อหาพยายามฆ่า และอื่น ๆ รวม 83 กระทง ตอนนี้ นายโจเซฟถูกขังไว้ที่สถานกักกันเขตมัลท์โนมาเคาน์ตี้และตำรวจเมืองพอร์ทแลนด์กับเจ้าหน้าที่เอฟบีไอกำลังสอบสวนหาแรงจูงใจที่แน่ชัดด้านองค์การบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือ FAA ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ของโลกในปัจจุบัน