ไทด์ ทำใจ! ลูกสาวถูกหลอกโอนเงินซื้อบัตรคอนเสิร์ตเกาหลี ไม่หวังได้เงินคืน เผยคนโกงติดต่อมาหลังรู้เป็นลูก ก่อนปิดมือถือหนี ยกเป็นบทเรียน
หลังจากนักแสดงจิตอาสา ไทด์ เอกพัน บรรลือฤทธิ์ พา น้องมู่หลาน ลูกสาวและเพื่อน เข้าแจ้งความ กรณีถูกหลอกโอนเงินซื้อบัตรคอนเสิร์ตศิลปินเกาหลี เสียหาย 14,000 บาท คิดเป็นค่าบัตรคอนเสิร์ต 6,800 บาท จำนวน 2 ใบ และค่ากดบัตรใบละ 200 บาท ล่าสุดเจ้าตัวเผยความคืบหน้าระหว่างมาร่วมรายการ คนดังนั่งเคลียร์ ทางช่อง8 ที่ อาคาร B ชั้น 3 ตึกอาร์เอส ถนนประเสริฐมนูกิจ
หลังพาลูกสาวไปแจ้งความถูกหลอกโอนเงินซื้อบัตรคอนเสิร์ตศิลปินเกาหลี ความคืบหน้าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง? “ความคืบหน้าที่ไปแจ้งความที่โรงพักตลิ่งชันยังไม่รู้อะไรเลย แต่คนที่โกงติดต่อมาหามู่หลานลูกสาว บอกว่าเดี๋ยวจะทยอยจ่ายคืนให้ทุกคนแต่ไม่รู้เมื่อไหร่ แล้วเขาเหมือนกับขอโทษ ไม่รู้ว่ามู่หลานเป็นลูกสาวเรา เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะโกง แต่มันเป็นทอดๆ กันอีกทีนึง เหมือนเขาเองจะรับผิดชอบ ให้บอกคุณพ่อว่าอย่าเพิ่งอะไรนะ เดี๋ยวจะทยอยคืนให้กับทุกคน”
สาเหตุที่เขาติดต่อมาเพราะรู้ว่าเป็นลูกสาวของเรา? “ใช่ เขาติดต่อมาหามู่หลานคนเดียวเลย พอมู่หลานไปบอกเพื่อนๆ ทุกคนก็ดีใจเพราะเพื่อนๆ ก็โดนคุณพ่อคุณแม่ต่อว่าร้องไห้กันระงม หลังจากนั้นมู่หลานก็ติดต่อกลับไปว่าจะเอาเงินคืนเมื่อไหร่ เพราะมันมีให้กดบัตรต่อ เขาจะได้เอาเงินตรงนี้กดบัตรใหม่ ปรากฏว่าเขาก็ปิดช่องทางไปหมดติดต่อไม่ได้อีกเลย เหมือนประมาณว่าเขามาพูดปลอบใจว่าไม่ต้องกังวลนะ ต้องขอโทษคุณพ่อด้วยโน่นนี่นั่นเฉยๆ”
ยังมีความหวังว่าจะได้เงินคืนไหม? “ผมว่าดูสถานการณ์แล้วไม่น่ามีความหวัง เพราะถ้าเกิดเขาตั้งใจอย่างที่เขาพูดจริงๆ ก็ไม่น่าที่จะต้องปิดกั้นการสื่อสารของเขา แต่ในส่วนของเราก็ยังอยากที่จะตามเรื่องให้ถึงที่สุด แต่ทีนี้เราก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นแพ่งหรืออาญาหรือทั้งสองอย่าง ต้องดูเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบคือตำรวจที่จะต้องติดตามมาให้เรา”
“ว่าสรุปแล้วคนคนนี้กลุ่มนี้ที่ตั้งแพลตฟอร์มขึ้นมา เพื่อจะมาหลอกเอาเงินที่ตัวเองมีความชำนาญมีความสามารถในการกดบัตร แล้วขอค่าเสียเวลาในการกดบัตรคนละ 200 บาท ถ้า 100 กว่าคนนี่ลองคิดดูว่าเป็นเงินเท่าไหร่แล้ว เงินกดบัตรไม่เท่าไหร่ แต่เงินค่าซื้อบัตรนี่สิมันแพงมาก บางคนเสียเป็นหมื่นๆ ลูกสาวเรายังแค่ชั้นกลางๆ ราคา 6,800 บาท”
ผู้เสียหายคนอื่นเข้ามาปรึกษาเราด้วยไหม? “เขาเข้ามาทางลูกสาว บอกว่าถ้ามู่หลานไม่ใช่ลูกของพี่ไทด์ทุกอย่างก็คงเงียบไปไม่มีข่าว แต่พอดีว่ามู่หลานเป็นลูกสาวเรา เลยมีการแอ๊กชั่นขึ้นมาให้กับสื่อมวลชนได้รู้ว่าพวกเราต้องเตือนผู้ปกครองเรื่องบุตรหลานที่จะต้องโอนเงินไปโดยพลการโดยที่ไม่ได้ปรึกษา อย่างลูกสาวเราก็ไม่ได้ปรึกษา แต่เขามาขอว่าอยากดูคอนเสิร์ตวงนี้”
“ตอนนั้นเราก็ยังบอกเลยว่ามู่หลานเพิ่งไปดูแบล็กพิงก์มา คุณพ่อก็พาไปแล้ว แล้วจะมาดูอะไรอีกของเกาหลี ลูกสาวบอกว่าอยากดูวงนี้มากกว่า เราก็เลยบอกว่าถ้าอยากดูต้องเก็บเงินซื้อบัตรเอง พ่อไม่สนับสนุนเพราะผมไม่สนับสนุนแล้วกับราคาบัตรคอนเสิร์ตที่มันเว่อร์ขนาดนี้ เขาก็โอเคไปเก็บเงินซื้อเอง”
“หลังจากนั้นก็หายไป จนวันที่กดบัตรวันแรกช่วงบ่ายโมงโทรมาร้องไห้ บอกว่าพ่อหนูโดนหลอก เราก็อ้าว! ทำไมไม่บอกคุณพ่อก่อน วันนั้นก็เลยรีบจัดการขอเบอร์และสลิปที่โอนเงินไปให้กับคนที่เขารับจ้าง แล้วเย็นวันนั้นก็พาไปแจ้งความ แต่เราก็ทำใจว่าโอกาสที่จะได้คืนมันยากแล้ว ของพวกนี้มันเหมือนอ้อยเข้าปากช้าง เคี้ยวจนกลืนไปแล้วจะเอาที่ไหนมาคืน”
“ถ้ารวมกันแล้วเป็นล้านเลยนะ ผู้เสียหาย 100 กว่าคน เลยบอกให้ลูกสาวทำใจ แล้วเขาก็ขอกดบัตรใหม่อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเราก็บอกว่าโอเคถ้ากดได้เดี๋ยวพ่อโอนเงินให้ ครั้งนี้ก็คือมาดูแล สรุปสุดท้ายคือไม่ได้ดู บัตรกดยากมาก มันถึงได้มีพวกนี้เกิดขึ้นมาที่รับจ้างกดบัตร แล้วคนที่อยากดูจริงๆ ก็ยอมที่จะเสียเงินจ้างซึ่งมันราคาแค่ 200 บาท แต่สิ่งสำคัญที่เขาตั้งใจไม่ได้จะเอาแค่ 200 บาทไง มันคือค่าตั๋วต่างหาก”
ที่ผ่านมาช่วยเหลือคนอื่นมาเยอะแยะ พอวันนึงมาเกิดเรื่องแบบนี้กับลูกสาวของเรา? “อันนี้ก็เป็นบทเรียนให้เขา รวมถึงครอบครัวอื่นด้วยที่มีลูกวัยรุ่นที่ชอบติดตามเป็นแฟนคลับศิลปินเกาหลีแต่ละวง เสียเงินเท่าไหร่ไม่ว่าขอให้ได้ดู มันก็เลยมีพวกมิจฉาชีพตรงนี้เกิดขึ้นมาเพื่อจะหลอก อยากให้พ่อแม่ผู้ปกครองทุกคนคอยดูแล ถ้าลูกอยากดูอะไรก็ให้พูดความจริงเลย เราจะได้ช่วยกันแนะนำในสิ่งที่ว่าทำอย่างไหนดีกว่า”
“จริงๆ มีคนไปแจ้งความลักษณะนี้เยอะมาก แต่สุดท้ายก็ไม่เคยเห็นมีออกมาบอกเลยว่าจับได้แล้วนะ คือก็เงียบหายไป มันก็เลยเหมือนกับไฟไหม้ฟางวูบเดียว หรือว่ายอดความเสียหายมันคงไม่ถึงร้อยล้านพันล้านหมื่นล้านมั้ง เขาก็คงไม่ได้ตามถึงขนาดนั้นก็แค่ตั๋วคอนเสิร์ตก็แค่นั้นจบไป แต่ความรู้สึกจิตใจของคนที่เสียเงินของเด็กๆ มันสาหัสมาก เขานอนร้องไห้ทุกวันทุกคืน เราก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยสำหรับพวกเขา”
แบบนี้ลูกสาวเข็ดเลยไหม? “เรื่องที่ว่าจะไปจ้างคนอื่นกดบัตรแล้วโดนหลอกคงเข็ดแล้ว แต่ถามว่าเข็ดที่อยากจะดูไหมไม่เข็ดหรอก หลังจากนี้ไปเลยบอกว่ามีอะไรก็ให้มาบอกก่อนมันจะได้แก้ไขได้ทัน ไม่ใช่ทำไปแล้วพอมันมีอะไรผิดพลาดขึ้นมาแล้วมาบอกมันจะแก้ไขไม่ได้ ฉะนั้นมันก็แค่เป็นบทเรียนไป”