พรรคเพื่อไทยประกาศนโยบาย ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ปริญญาตรี 25,000 “ในปี 2570”
เห็นผลทันใด เหมือนโดนน้ำร้อนสาด รัฐมนตรี หอการค้า สภาอุตสาหกรรม นักเศรษฐศาสตร์ ฯลฯ โหยหวนคัดค้าน ภาคธุรกิจปรับตัวไม่ทัน อุตสาหกรรมจะย้ายฐานไปประเทศเพื่อนบ้าน แรงงานต่างด้าวทะลัก ฯลฯ
รัฐมนตรีแรงงานปกป้องเจ้าของโรงงาน ขึ้นค่าแรงจะทำเศรษฐกิจหายนะ ประกาศล่วงหน้าแบบนี้สินค้าจะฉวยโอกาสขึ้นราคา
เดี๋ยวนะๆ เลือกตั้ง 62 พรรคไหนหว่า “เซอร์ไพรส์นโยบาย” ค่าแรงขั้นต่ำ 425 ปริญญาตรี 20,000 อาชีวะ 18,000 ไม่ยักเห็นภาคธุรกิจ หอการค้า อุตสาหกรรม ออกมาโวยวาย
หาเสียงจนได้เป็นรัฐบาล ประยุทธ์ได้เป็นนายกฯ อยู่จะครบสี่ปี ไม่ได้ทำ ยังมีหน้าไปถล่มคนอื่น
“เสี่ยเฮ้ง” อ้างไม่เกี่ยว ประยุทธ์ไม่เกี่ยว โทษอุตตม-สนธิรัตน์ หาเสียงมาด้วยกันชัดๆ
สนธิญา สวัสดี ร้อง กกต. ยุบเพื่อไทย ขายนโยบายทำไม่ได้จริง งั้นทำไม กกต.ไม่เอาผิดพลังประชารัฐ
เพื่อไทยขายฝันหรือเปล่า เขามีเวลาให้พิสูจน์ 5 ปี พลังประชารัฐพกลมหรือไม่ วันนี้พิสูจน์แล้ว ค่าแรง 328-354 บาท ความผิดสำเร็จแล้ว ประยุทธ์ได้เป็นนายกฯ ไปแล้ว
พรรคเพื่อไทยจงใจหรือเปล่าไม่ทราบ แต่ประสบความสำเร็จ 2 ชั้น ยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว
ตัวแรก ทำให้นโยบายเป็นที่ฮือฮา Talk of the Town ไฟลามทุ่ง ทุกฝ่ายช่วย PR สภากาแฟถกเถียง เชื่อหรือไม่ ทำได้จริงหรือเปล่า
ซึ่งเพื่อไทยก็ใช้โอกาสแถลงย้ำ ถ้าได้เป็นรัฐบาลจะบริหารเศรษฐกิจอย่างไร เพื่อขึ้นค่าแรง 600 บาทได้โดยธุรกิจก็เฟื่องฟู (พวกงี่เง่าทั้งหลายโปรดทราบ เขาไม่ได้บอกจะขึ้นทันที แต่จะทำให้จีดีพีโตปีละ 5% ให้เศรษฐกิจดี จ่ายค่าแรง 600 ได้)
นกตัวที่สอง ย้อนแทงนโยบายพลังประชารัฐ ยิ่งโวยวายยิ่งเข้าตัว ยิ่งสะท้อนความไม่รับผิดชอบ ประกาศนโยบายแล้วหายไปกับสายลม หลอกคนให้เลือกเพื่อให้ตู่เป็นนายก?
ย้อนแย้งถึง กกต. ปล่อยให้พรรคสืบทอดอำนาจหาเสียงเกินจริง แล้วจะเอาผิดยุบเพื่อไทย? (ยุบ กกต.ดีกว่าไหม)
พูดกันจริงๆ คุณเชื่อหรือไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะทำได้ ค่าแรง 600 บาทในปี 2570
เชื่อหรือไม่ก็ได้ ผมอาจไม่เชื่อก็ได้ แต่มันคือความกล้าท้าทาย ซึ่งพร้อมจะรับผิดชอบ
ถ้าพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งเป็นรัฐบาล บริหารประเทศสี่ปี ไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจดี ขึ้นค่าแรง 600 บาทไม่ได้ ไม่ต้องยุบพรรคหรอก พรรคเพื่อไทยหมดเครดิต จะเอานโยบายอะไรมาขาย ชาวบ้านก็ไม่เชื่อแล้ว ส.ส.ไปหาเสียงต้องคลุมปี๊บ
พรรคเพื่อไทยหาเสียงด้วยนโยบาย โดยมีจุดเด่นสามข้อ หนึ่ง ออกนโยบายได้ใจ “ประชาธิปไตยกินได้” ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น สอง ประชาชนเชื่อมั่น ทำได้ทำจริง พิสูจน์มาแล้วตั้งแต่ยุคไทยรักไทย สาม เป็นพรรคใหญ่มีศักยภาพเป็นแกนนำรัฐบาล
เมื่อไหร่ที่ประกาศนโยบายแล้วทำไม่ได้ เพื่อไทยก็คว่ำ ไม่ต้องรัฐประหารล้มล้างหรอก
ว่าที่จริง ยุคยิ่งลักษณ์ “จำนำข้าว” ถ้าไม่เกิดม็อบนกหวีดปิดเมือง ถ้าไม่เกิดรัฐประหาร พรรคเพื่อไทยก็อาจประสบความล้มเหลวไปแล้ว
พูดอย่างนี้ไม่ใช่ไม่มีข้อดี จำนำข้าวช่วยชาวนา แต่ปัญหาคือคิดใหญ่เกินตัว คิดว่ากักตุนข้าวแล้วราคาตลาดโลกจะพุ่ง สุดท้ายกลายเป็นดินพอกหางหมู ลงไม่ได้ เลิกไม่ได้ ถ้าไม่เกิดรัฐประหาร เพื่อไทยสะบักสะบอมไปแล้ว
ดังนั้น ค่าแรง 600 ปริญญาตรี 25,000 จึงเป็นเดิมพันพรรคเพื่อไทย ทำไม่ได้ก็เสื่อมความนิยม หมดเครดิต (เว้นแต่โดนรัฐประหารอีก)
เช่นเดียวกัน พรรคอื่นๆ ก็มีสิทธิประกาศนโยบาย “ขายฝัน” แต่ต่างกันว่าคุณมีเครดิตให้ประชาชนเชื่อหรือไม่ ได้ ส.ส.พอที่จะผลักดันเป็นนโยบายรัฐบาลหรือไม่
นี่คือวิถีประชาธิปไตย พรรคการเมืองประกาศสัญญาประชาคมในการเลือกตั้ง แล้วพิสูจน์ตัวเองว่าทำได้จริง เพื่อให้ประชาชนเลือกอีกครั้ง ซึ่งไม่เห็นแปลกอะไร พรรคภูมิใจไทยก็ขายนโยบายกัญชา พรรคประชาธิปัตย์ขายนโยบายประกันราคา
แต่พอเป็นพรรคเพื่อไทย ดูเหมือนจะปลุกกระแสเกลียดกลัวขึ้นมาใหม่ กลัวเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง เพราะ 8 ปีประยุทธ์ล้มเหลว เลยกลัวเพื่อไทยชนะจนจ้องจับผิด แบบเพื่อไทยทำอะไรก็ผิด
ทำ cheers อะไรก็ผิด ขนาดผู้ต้องหามาเฟียจีน บริจาคเงินพลังประชารัฐ 3 ล้าน ยังถูกเจ้าทฤษฎี conspiracy โยงเข้าพรรคเพื่อไทย เอสซีแอสเสท
คนเราต้องไร้สมองขนาดไหน จึงเชื่อได้ว่า กิจการสีเทาเชื่อมโยงเพื่อไทย อยู่รอดและเติบใหญ่ได้ ใต้ 5 ปี คสช. 8 ปีประยุทธ์ แม้มีความสัมพันธ์กับอดีต ผบ.ตร. อดีตรัฐมนตรีเพื่อไทย อาจจะมีเส้นสาย แต่ใครเส้นใหญ่กว่า คสช.
ตลกร้าย พวกเชื่อ conspiracy ไม่ใช่คนไม่มีการศึกษา แต่เป็นพวกจบปริญญาโท ปริญญาเอก เป็นหมอพยาบาล วิศวะ ฯลฯ ประเทศวิบัติมา 16 ปี พรรคพลังประชาชน+พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลได้ไม่ถึง 4 ปี รัฐประหาร 2 ครั้ง ประยุทธ์อยู่มา 8 ปี แต่มีอะไรเลวร้ายก็โทษทักษิณ เพื่อไทย
ถูกรัฐประหาร 4 ปี เป็นฝ่ายค้าน 4 ปี ไม่มีงบประมาณให้ใช้ ก็ยังเชื่อเพื่อไทยโกง พรรคอื่นสวาปามโครมๆ ไม่เป็นไร
“สหายแสง” คุยโว ภูมิใจไทยเอางบเข้าจังหวัด ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ส.ส.พูดอย่างนี้ มึงตาย!
พูดจริงๆ เพื่อไทยไม่ใช่ไม่มีจุดอ่อน มีรูโหว่แผลเหวอะอยู่มากมาย คนฝ่ายเดียวกันก็ไม่วางใจ เช่น ชนะเลือกตั้งแล้วจะเกี้ยเซี้ยร่วมรัฐบาลพลังประชารัฐไหม ฯลฯ
แต่เมื่อไหร่ที่ถูกโจมตีด้วยอคติเกลียดชัง คะแนนจะไหลไปพรรคเพื่อไทยทันที