เกือบสิบวันหลังถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ประยุทธ์กลายเป็นสิ่งแปลกปลอม ไม่จำเป็นต้องมีในการเมืองไทย แม้พยายามแย่งซีนในความเป็นรัฐมนตรีกลาโหม เป็นโรคผิวหนัง แต่ทุกคนเห็นว่าไม่มีประยุทธ์ รัฐบาลก็ทำงานได้ ครม.แต่งตั้งโยกย้ายได้ อนุมัติงบหาเสียงกระหน่ำ
ไม่มีใครชมว่า ป้อมดีกว่าตู่ แต่ดูแย่น้อยกว่า อย่างน้อยก็ไม่ปะทุอารมณ์สังคม
คำสั่งเว้นวรรคหยุดปฏิบัติหน้าที่ มีข้อดีลดแรงกดดัน แต่ในทางกลับกัน ก็ทำให้ตู่ลอยห่าง สมมติศาลวินิจฉัย ได้กลับเก้าอี้ ก็จะเป็นสิ่งแปลกปลอมที่สังคมถาม “กลับมาทำไม” ไปต่อ ข้างหน้าดีกว่า ไปสู่เลือกตั้ง
ตู่จะกลับได้ 2 ทาง หนึ่ง ศาลวินิจฉัยให้เริ่มนับ 8 ปีตั้งแต่ 6 เมษายน 2560 วันรัฐธรรมนูญประกาศใช้ ซึ่งมีเหตุผลทางกฎหมาย ในทางการเมือง เมื่อรู้ว่าอยู่ได้แค่ปี 68 ก็ควรประกาศ “พอแล้ว” อยู่แค่จัดเอเปกและยุบสภาเลือกตั้งใหม่ พลังไล่ก็จะแผ่วลง
สอง ศาลวินิจฉัยให้เริ่มนับตั้งแต่ 62 ลงเลือกตั้งได้อีกสมัยถึง 70 นอกจากเหตุผลกฎหมายอ่อน พลังต้านก็ร้อนแรง แม้ไม่ถึงขั้นฮือไล่ เพราะใกล้เลือกตั้ง แต่คะแนนฝ่ายค้านคงแลนด์สไลด์
งั้นสมมติอีกทาง กลับบ้านเถอะตู่ ศาลแลนด์สไลด์ มีชัย ฤชุพันธุ์ ยืนยันเจตนารมณ์ให้นับตั้งแต่ปี 2557 ประชาชนคงไชโยโห่ร้อง แม้แต่พรรคร่วมรัฐบาลก็คงอมยิ้มมุมปาก ภาคธุรกิจ นักวิเคราะห์ คาดอนาคตสดใสเศรษฐกิจไทย (ทั้งที่เชียร์ตู่แปดปีเป็นนกแก้วนกขุนทอง)
ในทางการเมืองก็ต้องไปสู่ยุบสภา แม้มีคำถามว่าใครยุบสภา ต้องเลือกนายกฯ ใหม่มายุบไหม ฯลฯ แต่ก็ยุบจนได้แหละ ทุกคนจะมองว่าการเมืองกลับสู่ครรลอง มีเลือกตั้งแม้ยังมี 250 ส.ว.แต่ก็เหลือวาระแค่ปี 67 และถูกกดดันให้ยอมรับเสียงข้างมากจากเลือกตั้ง
คำถามคือ พรรคฝ่ายค้าน เพื่อไทย ก้าวไกล มวลชนประชาธิปไตย จะแซ่ซ้องศาลรัฐธรรมนูญไหม ว่าวินิจฉัยถูกต้องชอบธรรม ศาลรัฐธรรมนูญที่เคยยุบพรรคพลังประชาชน พรรคไทยรักษาชาติ พรรคอนาคตใหม่ และชี้ว่าม็อบราษฎรชูสามนิ้วล้มล้างการปกครอง
ก็อาจจะชื่นชมแบบยั้งไว้บ้าง เพราะเป้าหมายสูงสุดของฝ่ายประชาธิปไตยคือแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ไม่ให้ศาลองค์กรอิสระมีอำนาจชี้ขาดการเมืองเหนืออำนาจอธิปไตยของประชาชนที่ใช้ผ่านการเลือกตั้ง
แต่มองออกไปในวงกว้าง เชื่อเถอะจะมีผลต่อประชาชนทั่วไป ที่ไม่ตระหนักในหลักการ เหมือนที่สังคมดราม่าพึงพอใจ อำนาจศาลตัดสิทธิสิระ-ปารีณา สั่ง “กนกวรรณรุกป่า” หยุดปฏิบัติหน้าที่ นิพนธ์ บุญญามณี เข้าคิวรายต่อไป
ปปช.กำลังโชว์ผลงานกวาดล้างใหญ่ ตั้งแต่เสาไฟกินรี 3 นายก อบจ. อดีตประธานสภา อ้อๆ แถมรองเลขาธิการ ป.ป.ช.เอง และ ผอ.แม่ฮ่องสอน
หวังว่าจะทำให้คนลืม “นาฬิกาเพื่อน ยืมใช้คงรูป” ซึ่งศาสตราจารย์เศรษฐศาสตร์ ผู้ได้รับการสรรหาเป็น ป.ป.ช.มองอีกอย่าง กระทั่งโดนวุฒิสภาตบคว่ำ ไม่ได้เป็น ป.ป.ช.
คล้ายๆ ศาสตราจารย์วิศวะ ไม่เห็นด้วยกับการควบรวมทรู-ดีแทค ไม่ได้เป็น กสทช.
รัฐประหาร 2557 เกิดเพื่อคุ้มครองการเปลี่ยนผ่าน รัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดโครงสร้าง “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ให้ถอยหลังไปครึ่งก้าว องคาพยพสำคัญได้แก่ หนึ่ง รัฐบาลสืบทอดอำนาจ ที่มีประยุทธ์เป็นผู้นำอำนาจนิยม สอง รัฐราชการเป็นใหญ่ ทหารตำรวจปึกแผ่น สาม องค์กรอิสระ และกลไกรัฐธรรมนูญ ที่สถาปนาตนเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์กำจัดนักการเมืองคุ้มครองประเทศ
สิ่งที่แตกต่างจากยุครัฐธรรมนูญ 2550 คือจัดการฝ่ายรัฐบาลด้วยเพื่อเสริมความศักดิ์สิทธิ์
โดยขณะเดียวกันก็ยังทำให้ฝ่ายค้านได้อะไรติดไม้ติดมือบ้าง จากการใช้อำนาจ ที่หากเกิดกับฝ่ายค้านก็คงโวยว่าไร้เหตุผล
ยกตัวอย่าง นายก อบจ.กาฬสินธุ์ โดน กกต.และศาลอุทธรณ์ให้ใบเหลือง จากการที่ผู้ช่วยหาเสียงโพสต์เฟซบุ๊ก ในวันสุดท้ายของการหาเสียง ว่าใครอยากได้ป้ายหาเสียงรื้อไปได้เลย ถูกมองว่าสัญญาจะให้ ทั้งที่โดยประเพณีหาเสียงทุกครั้ง ไม่ว่าสนามไหน ผู้สมัครล้วนทิ้งป้ายใครอยากได้เอาไป ไม่เจาะจงว่าต้องเลือก
บังเอิญ เลือกตั้งใหม่พรรคเพื่อไทยชนะแลนด์สไลด์ ฝ่ายประชาธิปไตยก็เลยดีใจจนลืมเรื่องใบเหลือง บังเอิญ ศรีสุวรรณยกประเด็นเดียวกันมาร้องชัชชาติแล้วสาธารณชนเห็นว่า ไร้เหตุผล
นิพนธ์ บุญญามณี ถูกป.ป.ช.ชี้มูลความผิดจากสมัยเป็น นายก อบจ. ฐานไม่จ่ายเงินค่ารถซ่อมบำรุงอเนกประสงค์ ที่ถูกดำเนินคดีฮั้วประมูล ประชาชนงง นิพนธ์ไม่จ่ายเงินก็ผิด ถ้าจ่ายเงินอาจโดนข้อหาสมรู้ร่วมคิด แต่ในขณะเดียวกัน นิพนธ์ก็โดน ส.ส.ก้าวไกลอภิปรายไม่ไว้วางใจแฉเรื่องที่ดิน เรื่องจะนะ
เป็น dilemma ที่ต้องถามว่า ส.ส.ก้าวไกลควรดีใจหรือไม่ ที่ตุลาการภิวัตน์เล่นงานนิพนธ์
อันที่จริง ไม่ว่าตู่อยู่หรือไป องค์กรอิสระก็กำลังขยายอำนาจศักดิ์สิทธิ์ สิ่งที่ฝ่ายประชาธิปไตยพึงระวัง คือหากใช้ดาบนั้นคืนสนอง ก็ต้องไม่แซ่ซ้องดาบอาญาสิทธิ์ ไม่เช่นนั้น หลังเลือกตั้ง “แลนด์สไลด์” ดาบนั้นก็จะหวนมาเป็นภัยคุกคามประชาธิปไตยไม่น้อยไปกว่าปืนรถถัง
แลนด์สไลด์เหรอ เดี๋ยวโดนใบเหลือง ใบแดง ยุบพรรค ตัดสิทธิ ดูด ส.ส. ไม่พอใจลุกฮือก่อม็อบ “ไม่เคารพกฎหมาย” ก็โดนปราบแบบเสื้อแดงสามนิ้ว