ทุกๆครั้งในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป นอกจากตำแหน่งแชมเปี้ยนแล้ว “ดาวซัลโวสูงสุด” ก็เป็นอีกหนึ่งรางวัลที่แฟนบอลหลายคนให้ความสนใจมากที่สุด
โดยในศึกยูโร 2020 ที่กำลังจะเริ่มต้นนี้ ต้องบอกว่ามีซูเปอร์สตาร์หลายรายที่มีโอกาสคว้ารางวัลแห่งเกียรติยศนี้ไปครอง วันนี้เราจึงอยากพาผู้อ่านทุกท่านลองไปดูกันว่าในแต่ละกลุ่มพอจะมีใครที่เข้าตากันบ้าง
กลุ่ม A
อิตาลี : หัวหอกอย่าง ชิโร อิมโมบิเล ของลาซิโอดูจะมีโอกาสอยู่พอสมควร เช่นเดียวกับ ลอเรนโซ อินซิเญ ดาวยิงจากนาโปลีที่ยิงถล่มทลายในซีซั่นที่ผ่านมา
สวิตเซอร์แลนด์ : ปีนี้มีดาวยิงอย่าง ฮาริส เซเฟโรวิช ที่ยิงไปถึง 26 ประตูให้กับเบนฟิกาเป็นตัวความหวัง แต่ก็อย่าลืมว่า เชอร์ดาน ชากิรี ของลิเวอร์พูลเองก็มักจะทำได้ดีในการรับใช้ชาติเช่นเดียวกัน
ตุรกี : คงต้องจับตาไปที่ 2 หัวหอกจากลีลล์ ทีมแชมป์ลีกสูงสุดของฝรั่งเศสฤดูกาลล่าสุดอย่าง ยูซุฟ ยาซิซี ที่ทำไป 14 ประตูและ บูรัค ยิลมาซ ดาวยิงตัวเก๋าวัย 35 ปีที่ยิงไป 18 ลูกตลอดซีซั่นที่ผ่านมา
เวลส์ : คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากความหวังอันสูงสุดของประเทศอย่าง แกเร็ธ เบล ที่ฟอร์มดูจะร้อนแรงขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ แยกทางกับ โชเซ มูรินโญ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
กลุ่ม B
เบลเยียม : ปีนี้คงต้องจับตามองไปที่ โรเมลู ลูกากู ที่ระเบิดฟอร์มเก่งกับอินเตอร์ มิลาน เป็นอันดับแรก แต่ก็ยังมีรายอื่นที่มีลุ้นอย่าง ดรีส์ เมอร์เทน หรือแม้แต่ คริสเตียน เบนเตเก ที่ฟอร์มดีกับคริสตัล พาเลซ ในปีนี้
เดนมาร์ก : ต้องบอกว่าปีนี้ดูจะไม่มีสตาร์ที่ฟอร์มเปรี้ยงปร้างโดดเด่น แต่สำหรับสองหัวหอกอย่าง ยุสซุฟ โพลเซน จากแอร์เบ ไลป์ซิก และ คาสเปอร์ ดอลเบิร์ก จากนีซ ก็พอจะเป็นตัวความหวังในการถล่มประตูได้อยู่บ้าง หรือไม่แน่ คริสเตียน เอริกเซน ดาวยิงสูงสุดประจำทีมอาจจะคืนฟอร์มเก่งแบกทีมในยูโรครั้งนี้ก็เป็นได้
ฟินแลนด์ : น่าจับตามอง 2 หัวหอกจาก เดอะ แชมเปียนชิพ ที่พาทีมเลื่อนชั้นมาเล่นในลีกสูงสุดฤดูกาลหน้าอย่าง ตีมู ปุกกี ที่ยิงให้นอริช ซิตี้ ไปถึง 26 ประตู และ มาร์คัส ฟอร์สส์ ที่ซัดไป 10 ประตูพาเบรนต์ฟอร์ดขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกได้สำเร็จ
รัสเซีย : ยังคงต้องหวังพึ่งหัวหอกตัวเก๋าอย่าง อาร์เต็ม ซูบา ที่ยิงให้เซนิตฯ ไป 22 ประตูในปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม พอจะมีหน้าใหม่อย่าง อเล็กซานเดร โซโบเลฟ ที่ทำผลงานได้ดีกับสปาร์ตัก มอสโก รวมถึง 2 เพลย์เมกเกอร์อย่าง อเล็ก มิรันชุค จากอตาลันตา และ อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน ของโมนาโก ที่จะละสายตาไปไม่ได้เช่นเดียวกัน
กลุ่ม C
เนเธอร์แลนด์ : ปีนี้ต้องบอกว่า ฮอลแลนด์ มีดาวยิงฝีเท้าดีมากมายทั้ง เมมฟิส เดปาย ตัวความหวังอันดับหนึ่ง, ดอนเยลล์ มาเลน หัวหอกจากพีเอสวีฯ, สตีเฟน เบิร์กฮุยส์ กองหน้าจากเฟเยนูร์ด และ วูท เวกฮอร์สต์ ดาวยิงจากโวล์ฟสบวร์ก
ออสเตรีย : ตัวความหวังในแดนหน้าปีนี้คงจะเป็น ซาซา คาลาจ์ดซิช หัวหอกเนื้อหอมจากสตุตการ์ทที่ยิงไปถึง 17 ประตูในซีซั่นก่อน รวมถึงมีตัวรุกอย่าง คริสตอฟ บวมการ์ทเนอร์ และ มาร์แซล ซาบิตเซอร์ ที่สามารถฟากผีฝากไข้เอาไว้ได้ในยูโรครั้งนี้
ยูเครน : ทีมของ “เชว่า” ปีนี้มี 3 ประสานที่น่ากลัวอย่าง โรมัน ยาเรมชุค ดาวยิงจากเกนท์ที่ยิงไปถึง 23 ประตูในลีกเบลเยียม, รัสลาน มาลินอฟสกี ตัวรุกจากอตาลันตา และที่ขาดไม่ได้เลยคือ วิคตอร์ ทซีกานคอฟ สตาร์เนื้อหอมจากดินาโม เคียฟ นั่นเอง
มาซิโดเนียเหนือ : ทีมเล็กๆนอกสายตาทีมนี้มีหัวหอกตัวเก๋าที่โด่งดังในกัลโช เซเรีย อา อย่าง โกรัน ปานเดฟ ที่แม้ปัจจุบันในวัย 37 ปี แต่ก็ยังคงค้าแข้งในระดับท็อปกับเจนัว แถมยังยิงประตูได้อย่างต่อเนื่องอีกต่างหาก
กลุ่ม D
อังกฤษ : แน่นอนว่าดาวยิงอันดับหนึ่งคงต้องฝากความหวังไว้ที่ แฮร์รี เคน ก่อนเพื่อน และมาลุ้นกับฟอร์มเหล่าบรรดาตัวรุกอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด, เจดอน ซานโช, ราฮีม สเตอร์ลิง รวมถึง แจ็ค กรีลิช หรือแม้แต่หัวหอกอย่าง โดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน เองก็พอจะมีลุ้นอยู่บ้างเช่นกันหากสามารถชนะใจ แกเร็ธ เซาธ์เกต และยึดตำแหน่งตัวจริงมาครองได้
โครเอเชีย : รองแชมป์โลกหนล่าสุดยังคงใช้หัวหอกหน้าเก่าๆหลายรายในทีมชุดนี้ นำโดย อังเดร ครามาริช จากฮอฟเฟนไฮม์, อันเต เรบิช ตัวรุกจากเอซี มิลาน และ นิโกลา วลาซิช จากซีเอสเคเอ มอสโก เป็นตัวความหวังในศึกยูโรปีนี้
สกอตแลนด์ : น้องใหม่หน้าเก่านำทัพโดย เช อดัมส์ กองหน้าจากเซาธ์แฮมป์ตันเป็นตัวชูโรง
สาธารณรัฐเช็ก : 2 ตัวรุกที่น่าจับตาในปีนี้คือ แพทริก ชิก จากเลเวอร์คูเซน และดาวรุ่งมาแรงอย่าง อดัมส์ ฮาโลเซค ของสปาร์ตา ปราก ที่ตกเป็นข่าวกับทีมยักษ์ใหญ่หลายทีมในช่วงซัมเมอร์นี้
กลุ่ม E
สเปน : ทัพกระทิงดุมีหัวหอกตัวเป้าอยู่ 2 คนในทีมชุดนี้คือ อัลบาโร โมราตา จากยูเวนตุส และ เคราร์ด โมเรโน ดาวยิงจากบียาร์เรอัล แชมป์ยูโรปา ลีก ทีมล่าสุด ส่วนที่เหลือจะเป็นตัวรุกเสียส่วนใหญ่ ที่พอจะเป็นไปได้ก็เช่น เฟร์รัน ตอร์เรส จากแมนฯ ซิตี้, มิเกล โอยาร์ซาบัล จากเรอัล โซเซียดาด, เปดรี จากบาร์เซโลนา และ ดานี โอลโม จากแอร์เบ ไลป์ซิก
โปแลนด์ : จะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากหัวหอกระดับเทพอย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี ดาวยิงสูงสุดประจำทีม รวมถึง อาร์คาดิอุสซ์ มิลิก จากโอลิมปิก มาร์กเซย
สวีเดน : แม้ในปีนี้จะไม่มีหัวหอกตัวแบกอย่าง ซลาตัน อิบราฮิโมวิช มาด้วย แต่พวกเขามีดาวรุ่งเลือดใหม่ที่น่าสนใจอย่าง อเล็กซานเดอร์ อิซัก ดาวยิงจากเรอัล โซเซียดาด และ จอร์แดน ลาร์สสัน จาก สปาร์ตัก มอสโก รวมถึงมีตัวรุกชื่อดังทั้ง เอมิล ฟอร์สเบิร์ก ของแอร์เบ ไลป์ซิก และ เดยัน คูลูเซฟสกี ของยูเวนตุสเป็นกำลังหลักอีกด้วย
สโลวาเกีย : เป็นชุดถ่ายเลือดใหม่แทบทั้งหมดโดยมีตัวความหวังในแดนหน้าคือ อิวาน ชรานซ์ จากยาโบลเนช และ ออนเดรจ์ ดูดา จากเอฟซี โคโลญจน์
กลุ่ม F
ฝรั่งเศส : 2 ตัวความหวังอย่าง อ็องตวน กรีซมันน์ ที่มีดีกรีเป็นถึงดาวซัลโวครั้งก่อน และแน่นอน คิเลียน เอ็มบัปเป ยอดกองหน้าจากปารีส แซงต์-แชร์กแมง อย่างไรก็ตาม พวกเขายังมี คาริม เบนเซมา และ วิสเซม เบน เยดแดร์ ที่มีโอกาสถล่มประตูในศึกยูโรครั้งนี้ได้เช่นเดียวกัน
เยอรมนี : บรรดาตัวรุกของทัพอินทรีเหล็กในปีนี้จัดว่าเปลี่ยนไปพอสมควรโดยมี ทิโม แวร์เนอร์ และ เควิน โฟลลันด์ เป็นทางเลือกในตำแหน่งหมายเลข 9 ส่วนตัวรุกคนอื่นๆที่น่าสนใจก็มี โธมัส มุลเลอร์, แซร์จ กนาบรี, ลีรอย ซาเน 3 แข้งจากบาเยิร์น มิวนิค และ ไค ฮาแวร์ตซ์ ที่เริ่มฉายแววกับเชลซีได้ในช่วงหลัง
โปรตุเกส : แน่นอนคนที่มีลุ้นมากที่สุดก็คือ คริสเตียโน โรนัลโด ดาวยิงสูงสุดในรายการนี้ รวมถึง อังเดร ซิลวา กองหน้าฟอร์มแรงจากแฟรงค์เฟิร์ต, ดิโอโก โชต้า จากลิเวอร์พูล รวมถึงน้องใหม่ไฟแรงจากสปอร์ติง ลิสบอน อย่าง เปโดร กอนซัลเวส ก็น่าติดตามไม่น้อยเช่นเดียวกัน
ฮังการี : นำโดยหัวหอกตัวเก๋าอย่าง อดัม ซาไล เป็นตัวความหวังพร้อมกับกองหน้ารุ่นน้องอย่าง โรแลนด์ ซัลไล ที่น่าจะมีผลงานช่วยทีมได้บ้างในศึกยูโร 2020 นี้