น้ำหนักลดลงฮวบจนทำเอาแฟนๆ ต่างอดเป็นห่วงไม่ได้เลยจริงๆ สำหรับนักแสดงหนุ่ม โอบ-โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์ ล่าสุดขณะที่เจ้าตัวได้เดินทางมาร่วมงานเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ใหม่ น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง จึงได้เผยถึงสาเหตุที่แท้จริงให้ฟังว่า…
“ก็น้ำหนักมีลงมาบ้าง ด้วยความที่ถ่ายละครด้วยปีที่แล้วจากประมาณ 69 ตอนนี้เหลือ 63 เพราะต้องถ่ายละครด้วย ต้องฟิตหุ่นอยู่แบบนั้นมาตลอดเลย”
แสดงว่าน้ำหนักลดลงเพราะการทำงานอย่างเดียว ?
“ใช่ครับ น้ำหนักลดลงเพราะการทำงานอย่างเดียว มันไม่ถึงขั้นกินไม่ได้ เพราะทุกเช้าแม่ก็เอาข้าวมาให้ และแม่ก็จะบังคับให้กินให้หมด”
คือเรากินไม่ลงเองหรือว่ายังไง ?
“ไม่ครับ เหมือนกับว่ากระเพาะเราหดลง เหมือนมันคงที่แบบนี้มาประมาณ 7-8 เดือนแล้ว”
เห็นเราลงรูปหุ่นในโซเชียลด้วย ?
“ใช่ครับ เพราะว่าเราก็ถ่ายเก็บไว้นานแล้ว ก็ลดลงมาสักพักแล้วครับ เพราะว่าตอนนี้กางเกงก็ยังหลวมอยู่ ซึ่งจริงๆ แล้วก็เป็นความแปลกนิดนึง ตอนนั้นเขาบอกให้เราลดลงมาหน่อย อย่างตอนนี้ทุกคนก็บอกให้เพิ่มขึ้นมาหน่อยเพราะว่าความบาลานซ์ไม่มีเลย ซึ่งมันก็โอเคทั้งสองอย่าง”
อย่างตอนที่แม่บังคับให้กินข้าวเพราะเป็นห่วงเรามากใช่ไหม ?
“ใช่ เขาก็เป็นห่วงเรามาก เพราะปกติเขาก็เอาข้าวมาให้ทุกเช้า แล้วก็เอาวิตามินมาให้เราด้วย ซึ่งจริงๆ แม่เขาก็ทำอาหารมาตลอด 10 กว่าปีแล้ว คือตอนนี้ก็เชื่อว่าเพื่อนทุกคนจากคนที่ไม่เคยทักมา จากคนที่อยู่ไกลกันเขาก็อยากให้กำลังใจเรา คือทุกคนก็มองว่ามันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเรา คือบางทีเราก็เห็นแล้วเราก็รับไว้ และเราก็บอกเขาว่าขอบคุณนะ”
ตอนนี้เรามูฟออนได้แล้วใช่ไหม ?
“ไปอยู่ครับ เราต้องไปได้แล้ว เราต้องเดินหน้าต่อได้แล้ว แข็งแรงพอที่จะเดินต่อได้แล้วครับ เธอแข็งแรงในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่เต็ม 100 เราก็ต้องใช้เวลานิดนึง รอบที่แล้วอาจจะเกินครึ่ง ตอนนี้มันเพิ่งผ่านมาไม่กี่วันเองเนาะ อาจจะประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ 10 เปอร์เซ็นต์ วันนี้เจอกันก็โอเคครับ เราก็ยังทำงานร่วมกันได้อย่างที่ทุกคนเห็นครับ”
โดนหลายคนโฟกัสการมาเจอกันครั้งแรกของเรา ?
“ใช่ รู้สึกอยู่แล้วว่าจะต้องเป็นที่จับตามองแน่ๆ เลย แต่ว่าก็โอเคนะครับ หมายถึงว่าทุกเรื่องผ่านไปได้ด้วยดี ไม่ได้อึดอัด”
เห็นบอกว่าถ้ามาเจอกัน จะถือโอกาสขอโทษแทนพี่สาว ?
“ใช่ วันนี้ยังไม่มีโอกาสเลย ยังไม่ได้คุยกัน คือมาถึงปุ๊บก็เรียกโอบไปแต่งหน้าเลย แล้วมาบรีฟงาน ขึ้นไปถ่ายรูปแล้วลงมาสแตนบาย ก็เลยยังไม่มีโอกาส ยังไม่ได้คุยกันเลยครับหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่ได้แชทหากันเลย”
ไม่ได้เจอกันแล้ว มีโอกาสยกหูโทรเคลียร์ไหม ?
“ค่อนข้างเกรงใจมากกว่า เราไม่รู้ว่าเขาทำอะไรอยู่หรือเปล่า หมายถึงว่าปกติในช่วงนั้นเราจะรู้ตารางเขา เราแค่กลัวไปรบกวนเขา”
อยากคุยต่อหน้ามากกว่า ?
“ใช่ เรื่องมันค่อนข้างส่งผลกระทบต่อใครหลายๆ คน ก็เลยรู้สึกว่าอยากพูดต่อหน้ามากกว่า ไม่ได้อยากจะโทรศัพท์ไปหรือไลน์ไป”
มะปรางบอกไม่ได้ติดใจ ?
“อ๋อ แต่ว่ามันต้องทำครับ เขาฝากมาแล้ว”
มะปรางบอกไม่กล้าคุยอะไรเยอะเหมือนกัน ไม่รู้ว่าโอบคิดอะไรอยู่ ?
“อ๋อ โอบไม่ได้คิดอะไรเลยครับ คือตอนนี้ในสมองโอบโอเค แบลงก์ครับ ยังเบลอๆ อยู่ครับ”
แต่คู่เรายังเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหม ?
“ใช่ครับ ยังเป็นเพื่อนกันได้ วันนี้เจอกันก็ทักทายกัน ไม่ได้ถึงขนาดไปลงดีเทลว่าเป็นยังไงบ้าง”
ตั้งใจจะพูดตอนอยู่กันแค่สองคน ?
“ใช่ รู้สึกว่าพอเวลามีคนอื่นอยู่ด้วย จริงๆ แล้วมันเป็นคำของพี่เราฝากจากเรามาถึงเขา เราอยากจะให้มันโดยตรง ไม่ได้อยากจะให้มีคนหมู่มวลเยอะ ถ้ามันมีเวลาหรือมีโอกาสดีๆ”
ถ้าวันนี้ไม่เจอกันแล้วก็รอครั้งหน้าเลย ?
“ก็ได้ แต่บอกว่าอย่าเพิ่งกลับไปแล้วกันเนอะ(ยิ้ม)”
เรื่องหัวใจจะแบลงก์อีกนานไหม ?
“ก็น่าจะสักพักใหญ่ๆ เลยครับ ตอนนี้ยังงงๆ เหมือนกัน มันยังคงไม่ชินแหละครับ ปกติเวลาว่างมันมีคนให้โทรหา มีคนให้ไปหา แต่วันนี้มันไม่มี มันก็เลยแบบโทรหาเพื่อนแทนแล้วกัน อยู่ไหนวะ บางคนก็ยุ่งอยู่ เราก็ไล่โทรหาทีละคน ช่วงแรกๆ มันจะยากหน่อย จัดการความรู้สึกตัวเองไม่ค่อยได้”
แฟนคลับก็น่ารักคอยมาให้กำลังใจ ?
“ใช่ เขาคอยมาเต๊าะผมตลอดเลย ได้ เธอเต๊าะมา ฉันเต๊าะกลับนะ ฉันสู้นะ ฉันบอกก่อน(ยิ้ม)”