โสมใต้มั่นใจเอาอยู่ ยันมีขีดความสามารถตรวจจับ-สอยขีปนาวุธคิม
โสมใต้มั่นใจเอาอยู่ – วันที่ 11 ต.ค. เอพีรายงานว่า ทางการเกาหลีใต้ยืนยันมีขีดความสามารถในการตรวจจับและต่อต้านขีปนาวุธหลากหลายรุ่นของเกาหลีเหนือได้ หลังเกาหลีเหนือเปิดเผยว่าการปล่อยขีปนาวุธก่อนหน้านั้นเป็นการจำลองการโจมตีเกาหลีใต้ด้วยหัวรบนิวเคลียร์
นายมูน ฮองซิก รักษาการโฆษกกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ กล่าวว่า ภัยคุกคามอาวุธนิวเคลียร์จากเกาหลีเหนือนั้นถือว่าแหลมคมและอันตรายอย่างมาก แต่กองทัพเกาหลีใต้มีขีดความสามารถในการสกัดกั้นระบบอาวุธที่เกาหลีเหนือเพิ่งนำมาทดสอบ

ขีปนาวุธเคเอ็น-23 ของเกาหลีเหนือที่สร้างตามแบบจรวดอิสกันเดอร์ของรัสเซีย (MissileThreat)
นายมูน เปิดเผยว่า กองทัพเกาหลีใต้อยู่ระหว่างการทยอยประจำการดาวเทียมสอดแนม โดรนสอดแนมหลายรุ่น และขีดความสามารถสอดแนมทางทะเล เพื่อให้สามารถตรวจจับระบบอาวุธของเกาหลีเหนือได้แม่นยำขึ้น
ท่าทีของกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้เกิดขึ้นหลังนักวิเคราะห์แสดงความกังวลว่าระบบอาวุธใหม่ของเกาหลีเหนือบางชนิดอาจสามารถเจาะทะลวงระบบต่อต้านขีปนาวุธของทั้งเกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกาได้
ระบบอาวุธที่สร้างความกังวลให้ผู้เชี่ยวชาญมากที่สุดเป็นขีปนาวุธรุ่น เคเอ็น-23 ของเกาหลีเหนือซึ่งพัฒนาเลียนแบบขีปนาวุธอิสกันเดอร์ของรัสเซีย รวมถึงขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงยิ่งยวด (ความเร็ว 5 มัคขึ้นไป) หรือจรวดไฮเปอร์โซนิกที่อยู่ระหว่างการพัฒนาด้วย

ขีปนาวุธอิสกันเดอร์ จรวดความเร็วเหนือเสียงยิ่งยวดของรัสเซีย (19FortyFive)
นักวิเคราะห์มองว่า หากเกาหลีเหนือปล่อยขีปนาวุธรุ่นดังกล่าวพร้อมกันหลายลูกจากสถานที่ต่างๆ จะทำให้สหรัฐฯและชาติพันธมิตรประสบความยากลำบากในการตรวจจับการปล่อยขีปนาวุธรวมถึงยิงสกัดได้ทันเวลา
ประธานาธิบดียุน ซ็อกยอล ผู้นำเกาหลีใต้ เคยกล่าวย้ำว่าจะเดินหน้ายกระดับระบบป้องกันขีปนาวุธของเกาหลีใต้ภายใต้กรอบความร่วมมือกับสหรัฐฯและญี่ปุ่น โดยการทดสอบขีปนาวุธล่าสุดของเกาหลีเหนือนั้นสะท้อนว่า ภัยคุกคามนั้นมีความอันตรายมากขึ้นทุกวัน
ประธานาธิบดียุน กล่าวว่า ทางการเกาหลีเหนือพยายามพัฒนาขีดความสามารถและแสนยานุภาพนิวเคลียร์อย่างต่อเนื่องกระทั่งไม่ได้เพียงภัยคุกคามต่อเกาหลีใต้เท่านั้น แต่กลายเป็นภัยคุกคามต่อโลกทั้งใบ
ทั้งนี้ ความกังวลของนานาชาติมีแนวโน้มสูงขึ้นอีก หลังทางการเกาหลีเหนือเพิ่งบัญญัติกฎหมายใหม่เปิดทางให้ใช้อาวุธนิวเคลียร์โจมตีชาติศัตรูก่อนได้ ซึ่งไม่สอดคล้องกับธรรมเนียมสากลที่อาวุธนิวเคลียร์มีไว้เพื่อ “ป้องปราม” เชิงยุทธศาสตร์การป้องกันตัวเองเท่านั้น