การแข่งขันวิ่ง บุรีรัมย์ มาราธอน ที่จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังคงมีเรื่องให้พูดถึงในวงการนักวิ่ง ซึ่งแม้จะได้รับคำชื่นชมอย่างมาก แต่ในมุมอื่นยังมีปัญหาอยู่พอสมควร
โดยดราม่าในประเภท มาราธอน หญิงรุ่นมากกว่า 60 ปี ปรากฎว่ามีการแชร์ข้อมูลเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับ นักวิ่งสาวใหญ่ งามพิศ แพพิพัฒน์ หรือในเฟสบุ๊ก Ngampis Paepipat นักวิ่งบิบ 44367 ซึ่งวิ่งทำเวลาเข้ามาที่ 4.50.38 ชั่วโมง เข้าเป็นอันดับ 6 ในรุ่นอายุ และเมื่อเธอตรวจดูผลการแข่งขันปรากฎว่า คนที่ได้อันดับที่ 5 ในรุ่นอายุนี้ คือหมายเลข 44707 แต่ กลับเป็นนักวิ่งชาย ที่ใช้ บิบ (เบอร์วิ่ง) ของประเภทหญิงมาวิ่ง ทำให้เธอไม่ได้รับรางวัลอันดับ ที่ 5
“สอบถามค่ะ เรื่องแบบนี้จะไปต่อแบบไหน เมื่อคืนไปประท้วงกรรมการที่มอบรางวัลว่าลำดับที่ 5 ของผู้หญิง 60 ปี เป็นผู้ชายใช้บิบ (หมายเลขวิ่ง) ผู้หญิงมาวิ่ง แล้วไม่มารายงานตัวขอบรับรางวัลเพราะทำผิดกฎกติกา ส่วนเราเองเป็นผู้หญิง 60 ปีวิ่งได้ลำดับที่ 6 จะมีการเลื่อนลำดับรางวัลให้หรือไม่ กรรมการตอบว่าไม่สามารถเลื่อนลำดับได้ มารายงานตัวแค่ 4 คนก็มอบรางวัลให้แค่ 4 คนเท่านั้น เลยทำให้เราเสียโอกาสในการรับรางวัล แต่พอเมื่อเช้าเข้าไปตรวจสอบในระบบมีชื่อของเราอยู่ในลำดับที่ 5 แล้วเราจะได้รับรางวัลลำดับที่ 5 มั้ยคะ” #บุรีรัมย์ มาราธอน
โดย เจ้าตัวยังคอมเมนต์ในโพสต์ที่ถูกแชร์ไปว่า “ป้าตั้งใจซ้อมมากค่ะ มันเป็นศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจแต่มาเสียโอกาสเพราะคนทำผิดกติกาค่ะ”
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการปรับอันดับให้ เธอได้เป็นอันดับ 5 แต่ไม่ได้มีการมอบรางวัลหรือถ้วยรางวัลแต่อย่างใด
ทั้งนี้จากการตรวจสอบระเบียบการจัดการแข่งขัน ข้อ 15 ระบุว่ากรณีต้องการยื่นประท้วงผลกรแข่งขัน สามารถยื่นคำร้องขอประท้วงภายใน 30 นาที นับจากเวลาประกาศผลอย่างเป็นทางการ โดยการประท้วงต้องวางเงินจำนวน 3000 บาท พร้อมกรอกแบบฟอร์มการขอยืนประท้วงจากคณะกรรมการตัดสิน หากผลประท้วงเป็นผล ผู้จัดจะคืนเงินยื่นประท้วงเต็มจำนวน แต่หากไม่เป็นผลผู้จัดฯขอสงวนสินในการริบเงินประท้วงเต็มจำนวน
และข้อ 16 ผู้มีสิทธิ์รับรางวัลต้องเป็นผู้ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมการแข่งขันอย่างถูกต้องตามกฎของการแข่งขันเท่านั้น พ่วงด้วยข้อ 17 คำตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สุด