โรงงานพลุระเบิด 22 ศพ ใบอนุญาตยังไม่หมด สะเทือนใจ เด็ก ม.5 สูญเสียทั้งพ่อและแม่พร้อมกัน น้องยังช็อกรับไม่ได้
นายสิทธิศักดิ์ แย้มพรายภิรมย์ นายอำเภอเมืองสุพรรณบุรี จ.สุพรรณบุรี เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีโรงงานพลุระเบิดที่บ้านข่อยงามหมู่ 3 ต.ศาลาขาว อ.เมือง ว่า รายงานล่าสุดผู้เสียชีวิต 22 ราย ไม่มีผู้บาดเจ็บ และทางจังหวัดมีการตั้งศูนย์เยียวยา เพื่อให้ญาติของผู้เสียชีวิตมายืนยันตัวตนและยื่นเรื่องเพื่อขอรับเงินเยียวยาจากหลายภาคส่วน
ซึ่งขณะนี้มีญาติของผู้เสียชีวิตมายื่นเรื่องแล้ว 10 กว่ารายขณะเดียวกันทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง ปภ. และ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุพรรณบุรี ได้เข้าลงไปช่วยเหลือและเยียวยาจิตใจญาติผู้เสียชีวิตแล้ว อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบใบอนุญาตประกอบกิจการของโรงงานดังกล่าวพบว่ายังไม่หมดอายุแต่อย่างใด ส่วนสาเหตุอยู่ระหว่างการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวถึงความสูญเสียจากเหตุโรงงานพลุระเบิดที่ จ.สุพรรณบุรี ว่า ขณะนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้ระดมนักสังคมสงเคราะห์และนักจิตวิทยาจากจังหวัดใกล้เคียง ให้เข้ามาช่วยกันลงพื้นที่ในวันนี้ (18 ม.ค. 67) ทันที
ซึ่งสิ่งที่กระทรวง พม. คำนึงถึงมากที่สุดคือความรู้สึกของผู้ได้รับผลกระทบ และครอบครัว เพราะฉะนั้นนอกจากที่เราจะพยายามเยียวยาในเรื่องของเงินและสิ่งที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในการดำรงชีวิตประจำวันได้ แต่ที่สำคัญไม่น้อยไปกว่านั้นคือ เรื่องของสภาพจิตใจของผู้ได้รับผลกระทบและครอบครัว เพราะฉะนั้น วันนี้กระทรวง พม. จึงทำอย่างเต็มที่
นายธเนศพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้เรายังไม่สามารถเคลื่อนศพของผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ออกจากพื้นที่ได้ แต่จะทยอยลำเลียงออกมาไว้ที่วัดโรงช้าง อำเภอเมือง จ.สุพรรณบุรี เพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์ในเช้าวันนี้ (18 ม.ค. 67) เนื่องจากยังมีเรื่องของฟอสฟอรัสหรือกำมะถันอยู่ ในบริเวณพื้นที่เกิดเหตุค่อนข้างมากพอสมควร โดยที่วัดโรงช้างขณะนี้ กระทรวง พม. ได้ตั้งโต๊ะรับเรื่องราวร้องทุกข์ หรือปัญหาที่เกิดขึ้น และมีผู้เข้ามาแจ้งความจำนงประมาณ 23 ราย ซึ่งจะได้ให้ความช่วยเหลือต่อไป แต่ที่สำคัญมากไปกว่านั้นคือ เรื่องของสภาพจิตใจของผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่รุนแรงมาก เราจึงต้องรีบเยียวยาความรู้สึกให้เร็วที่สุด
“ตอนนี้ เจอเคสที่หนักหนาเป็นน้อง ม. 5 ที่สูญเสียทั้งพ่อและแม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่น้องยังรับไม่ได้ พวกเราเองยังรับกันไม่ได้ จึงได้ให้นักจิตวิทยาเข้าประกบ และให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูสภาพจิตใจ ให้มีความผ่อนคลายลง ซึ่งเวลาความสูญเสียแต่ละครั้ง ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญมากกว่าทรัพย์สินเงินทองคือเรื่องของความรู้สึกของผู้สูญเสียสมาชิกในครอบครัวไป กระทรวง พม. จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ และจะทำอย่างเต็มที่ เต็มแรง”