“โค้ชหระ” อิสสระ ศรีทะโร หัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี เพิ่งเข้าร่วมประชุมเตรียมแผนงานกับ “บิ๊กหยิม” ยุทธนา หยิมการุณ ผู้อำนวยการทีมชาติไทย รุ่นไม่เกิน 23 ปี เมื่อ 15 พ.ย. เพื่อเตรียมแผนการทำงานทั้งฟุตบอลซีเกมส์ ที่กัมพูชา, เอเชียนเกมส์ ที่จีน รวมถึงโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ฝรั่งเศส
โค้ชหระ เผยว่า ตามที่ก่อนหน้านี้ตนและทีมงานได้ประกาศรายชื่อนักเตะจำนวน 62 คนที่อยู่ในข่ายอายุไม่เกิน 23 ปีนั้น เพื่อต้องการให้นักเตะรู้ว่าตนเองมีโอกาสจะติดทีมชาติไทย รวมถึงสโมสรต้นสังกัดนักเตะเองด้วยว่ามีบุคคลากรที่พร้อมจะก้าวขึ้นระดับทีมชาติ แต่ทั้งนี้ไม่ใช่ว่าทั้ง 62 คนจะประมาทได้ เพราะนักเตะไทยนั้นมีมากกว่านี้ เพียงแค่ทีมงานยังดูฟอร์มไม่ทั่วถึง
“ผมต้องบอกก่อนว่าการที่เราประกาศรายชื่อก่อนนี้นั้นเป็นนักเตะที่เรามีฐานข้อมูลเดิมอยู่แล้ว และทีมงานติดตามผลงานมาต่อเนื่อง กว่าครึ่งเป็นตัวหลักของสโมสร ดังนั้นเราจึงง่ายในการดูฟอร์ม แต่ทั้งนี้ไม่ใช่ว่านักเตะคนอื่นที่อยู่ในข่ายและไม่มีชื่อใน 62 คนจะถูกละเลย หากใครทำผลงานดีขึ้นมา หรือได้รับรายงานว่ามีดีนักเตะเหล่านี้พร้อมที่จะเข้ามาเป็นตัวเลือกในอนาคตเช่นกัน”
“ส่วนแผนการทำงานเบื้องต้นอย่างที่ทราบกันดีว่าเราจะมีเกมอุ่นเครื่องกับทีมชาติลาวชุดใหญ่ ในวันที่ 11 และ 14 ธ.ค. ที่สนามม.ธรรมศาสตร์ รังสิต ดังนั้นเราจะเรียกนักเตะกลุ่มแรกที่เรามีข้อมูลมากที่สุดและเป็นตัวสำคัญในสโมสรจำนวน 30 คน มาเก็บตัวร่วมกันโดยกำหนดไว้วันที่ 5 – 15 ธ.ค.”
“หลังจากนั้นเราจะวางแผนไว้ว่าจะเรียกนักเตะกลุ่ม 2 อีก 30 คน มาร่วมฝึกซ้อมกันในช่วงฟีฟ่าเดย์เดือนมี.ค.ปีหน้า แต่ยังต้องรอว่าจะมาเกมอุ่นเครื่องกับทีมชาติ หรือจะมีเกมลักษณะอื่น ซึ่งนักเตะกลุ่มนี้ไม่ใช่ว่าเป็นตัวเลือกที่สองเพียงแค่เรามีข้อมูลไม่มากจึงอยากเห็นด้วยตาตัวเอง”
“ขณะที่นักเตะซึ่งไม่อยู่ใน 62 คน เราพร้อมเปิดโอกาสให้ทุกคนเสมอเพียงแค่ที่ผ่านมาทีมงานโค้ชอาจยังไม่เคยเห็น หรือเรายังดูได้ไม่ทั่วถึง รวมถึงนักเตะเหล่าลูกครึ่งที่อยู่ในเกณฑ์ด้วย โดยนักเตะลูกครึ่งซึงเล่นอยู่ต่างประเทศตอนนี้ฝ่ายเทคนิคของสมาคมเริ่มส่งข้อมูลมาให้ทีมงานโค้ชหลายคนแล้ว ดังนั้นกว่าจะถึงทัวร์นาเมนต์อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงนักเตะได้เสมอ”
พร้อมกันนี้ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกรณีที่ทีมงานโค้ชชุดนี้มีอดีตนักเตะทีมชาติไทยร่วมเป็นสต๊าฟโค้ช และ ที่ปรึกษาหลายคน โดยหลายคนยังมีงานประจำในการทำหน้าที่กับสโมสรอาชีพ และมีข่าวจากสโมสรต้นสังกัดของโค้ชเหล่านั้นว่าไม่ได้รับงานดังกล่าว
เรื่องนี้โค้ชหระยืนยันว่าตำแหน่งที่ปรึกษานั้นไม่ต้องการให้กระทบกับงานประจำของโค้ชแต่ละคน เพียงแต่ทีมงานโค้ชทีมชาติชุดนี้พร้อมรับฟังจากทุกมุมมองมากกว่า
“เรื่องตำแหน่งที่ปรึกษาของทีมไม่เกิน 23 ปี ผมต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่าสต๊าฟโค้ชเรามีการพูดคุยกันอยู่แล้วว่าต้องทำงานกันอย่างไร วางแผนเป็นขั้นเป็นตอน ส่วนการที่มีชื่อว่าโค้ชของสโมสรนั้นมีตำแหน่งที่ปรึกษาให้ทีมชาติไทยชุดนี้อาจทำให้สโมสรต้นสังกัดเข้าใจผิด”
“ผมอยากจะเรียนให้ทราบว่าทีมชาติไทยนั้นไม่ได้เป็นของใครหรือเป็นหน้าที่ของเพียงกลุ่มสต๊าฟโค้ชกลุ่มเดียว การที่เราเปิดให้มีที่ปรึกษาเพื่ออยากรับฟังความเห็นของคนที่มองจากภายนอก ว่าเรามีจุดดีตรงไหน หรือมีจุดใดที่ต้องปรับเปลี่ยน เมื่อรับฟังความเห็นเหล่านี้แล้วเหล่าสต๊าฟโค้ชจะนำมาร่วมกันคิดว่าความเห็นเหล่านี้เป็นจริงแค่ไหน เพื่อหาแนวทางในการปรับปรุงให้ดีที่สุด”