นักแสดงตลกมากความสามารถ โก๊ะตี๋ อารามบอย ที่วันนี้จะขอเม้าท์เรื่องในอดีตสุดแซ่บระหว่างตัวเองและคุณแม่ บอกเลยงานนี้เผ็ดจนลืมไม่ลง เกือบทะเลาะกันหนักถึงขั้นประกาศไม่เผาผีกับแม่มาแล้ว แถมตอนเด็กๆ บอกว่าเคยเกเร เพราะโดนล้อว่าเป็นตุ๊ด โดยเจ้าตัวมาเปิดใจผ่านทางรายการคุยแซ่บ Show ทางช่องวัน31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และ ใบเฟิร์น พัสกร เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
ย้อนเวลาไปสักพักช่วงนั้นโก๊ะติดโควิด?
โก๊ะตี๋ : ใช่ครับ ตอนนั้นคนที่ห่วงที่สุดคือคุณแม่ คือตอนนั้นเราเพิ่งสูญเสียพี่ชายที่เรารักไปมากๆ คือพี่ค่อม แล้วหลังตากนั้นประมาณเดือนนึงหนูได้รับเชื้อ แว๊บแรกเลยคิดถึงบ้านก่อน ห่วงลูก ห่วงหลาน แม่คนแรกที่คิดถึง เพราะว่าแกอายุเยอะแล้ว มันถาโถมเข้ามา กลายเป็นว่าเราจิตตก เพราะว่าอาเป็ดก็เพิ่งสูญเสียคุณพ่อ สูญเสียคุณแม่ เราก็รับข่าวคนไทยก็เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น ยอดผู้ติดเชื้อก็เพิ่มขึ้นทุกวัน จากวันนั้นที่พี่เป็นมันแค่ 8,800 จนมันขึ้นมาเป็นหมื่น จนกลายเป็นทุกอย่างถาโถมเข้ามา ว่าแบบ…โอ้โหเราจะรอดไหม แล้วแม่จะอยู่ยังไง เพราะทุกวันนี้เราดูแลแม่
ที่ห่วงไม่ได้ห่วงว่าแม่จะติดหรือเปล่า แต่ห่วงว่าแม่จะอยู่ยังไง?
โก๊ะตี๋ : เรื่องติด แม่ไม่ติดแน่นอน เพราะว่าหลังจากที่มีโควิดเข้ามาหนูเป็นคนที่ดูแลตัวเอง หนูค่อนข้างมั่นใจว่าดูแลตัวเองดีมาก แล้วบอกแม่ว่าห้ามออกไปข้างนอกหลังจากที่แม่รับวัคซีนมาแล้ว เราบอกว่าแม่ยังไงก็ออกไม่ได้ เพราะวัคซีนที่รับมันแค่ไม่ตาย มันไม่ใช่ว่ามันไม่ติด ซึ่งพี่ดูแลตัวเองคนรอบข้างพี่ไม่มีใครติดเชื้อจากพี่เลย
ตอนนั้นกลัวตาย?
โก๊ะตี๋ : มันกลัวตาย ตอนนั้นเรายังจำภาพได้เลย วันที่น้าค่อมออกจากบ้าน ขึ้นรถตู้ แล้ววันสุดท้ายที่เราได้เห็นพนักงานของโรงพยาบาล อุ้มร่างของแกขึ้นไปบนเมรุ เสียชีวิตตอนเช้า และเผาตอนบ่าย คือทุกอย่างภาพมันยังจำอยู่ในเหตุการณ์ได้เลย มันรู้สึกจุกอยู่ในอก กลัวจะเป็นเราที่อยู่ตรงนั้น ถ้าเกิดเราตายมาละ ทุกอย่างล้มหมด
จริงไหมที่ติดโควิดโก๊ะไม่กล้าบอกแม่?
โก๊ะตี๋ : บอกหลาน แล้วย้ำหลานว่าอย่าบอกแม่ เดี๋ยวอาจะไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ทุกคนก็ตกใจว่าอาพบเชื้อนะ แต่มึงอย่าบอกย่านะ หมอบอกว่าเชื้อที่ลงไปที่ปอดมันหยุดแล้ว ปอดไม่ได้โดนทำร้ายมากมาย เราก็เลยถามหมอว่า ไม่ตายแน่ๆ แล้วใช่ไหม พอรู้ว่าไม่ตายแล้วแน่ๆ ก็เลยวัดิโอคอลหาหลาน แล้วก็คุยกับแม่ว่าหนูเป็นโควิด แม่ไม่ต้องห๊ะ ตอนนี้หนูรักษาตัวแล้วกำลังจะหาย คือพูดไปเพื่อให้แม่สบายใจ แม่ก็เชื่อพี่ แล้วพี่ก็บอกแม่ไม่ต้องห่วง ตอนนี้หายแล้ว รอกักตัวให้ครบวันแล้วค่อยออก แม่ก็บอกว่าหายไวๆ นะคะ ตั้งแต่ติดโควิดถึงตอนนี้ก็เกือบ 3 เดือนแล้วมั้ง
ตอนนี้ยังมีผลอะไรอยู่ไหม?
โก๊ะตี๋ : เรื่องน้ำหนักอย่างเดียวครับ คือเมื่อก่อนผมมีไปเตะบอลบ้าง พอเป็นโควิดไม่ได้ไปไหนเลย
มีช่วงนีงก็ผอมลงไปเยอะเลย?
โก๊ะกี๋ : ใช่ๆ เหลือ 74 เลย แล้วตอนนี้ 94
แสดงว่าโควิดไม่ได้ทำให้เรามีปัญหาที่ปอด?
โก๊ะกี๋ : ถามว่ามีไหม มีบ้าง หมอก็บอกว่าค่อยๆ กลับมาออกกำลังกาย อย่าเพิ่งหักโหม แรกๆ ตอนออกจากโรงพยาบาลก็มีหายใจติดๆ ขัดๆ รู้สึกหายใจไม่สะดวกปอด พอเราไปอยู่ที่สวน มีต้นไม้ ทำนู่น ทำนี้ น่าจะโอเคแล้ว
สนิทกับแม่ขนาดไหน?
โก๊ะตี้ : ตอนนี้ชีวิตของหนูคือแม่ แต่ต้องบอกก่อนว่าก่อนหน้านี้ไม่ได้สนิทกันมาก่อน
ทีมงานบอกว่าตอนเด็กๆ ไม่ถูกกันเหรอ?
โก๊ะตี๋ : ตอนเด็กๆ เถียงแม่ ด่าแม่ หนูเกิดมา แม่ไม่รู้ว่าท้อง พอปวดท้องไปหาหมอ หมอบอกว่าจะคลอดแล้ว ตอนแรกปวดท้องคิดว่าเป็นโรคอื่น แม่ก็เลยคลอดแล้ว คลอดออกมาปลาช่อนตัวนึง โลขีดขึ้น และที่สำคัญพี่คลอดที่ต่างจังหวัด เพราะฉะนั้นมันจะไม่มีตู้อบ เมื่อ 40 ปีที่แล้ว
ตอนที่แม่เห็นเรา แม่รู้สึกยังไง?
โก๊ะตี๋ : เห็นแล้วแหละว่ามันผิดปกติ สมัยก่อนถ้าเป็นอย่างนี้เตรียมตัวเลย เตรียมตัวฝัง แม่เลยบอกว่ายกให้พยาบาล คิดว่าไม่น่ารอด ตอนเด็กๆ คือเหมือนลูกนก ตรงหน้าอกบางเห็นเครื่องในหมดเลย
แม่จะให้พยาบาลไปทิ้งเหรอ?
โก๊ะตี๋ : ไม่ใช่ๆ เราเข้าใจความรู้สึกแม่เลย ถ้ายกให้นางพยาบาล อย่าน้อยนางพยาบาลเขาอยู่ที่โรงพยาบาล เขาจะช่วยได้ แม่จะเซ็นให้แล้วนะ ย่ารู้ ทีนี้แม่กับย่าเป็นคู่ไฟท์ติ้งกันอยู่ตั้งแต่ก่อนเราเกิด ปัญหาต่างจังหวัดเลยคือแม่ผัว ลูกสะใภ้ ย่าพี่ไม่ชอบแม่พี่ ด่านู่น ด่านี้ ถ้ามึงอยู่ได้ก็อยู่ไป พี่เลยเกิดมาในกระท่อมปลายนา ที่ย่ากับปู่ให้แค่ 20 ตารางวา แล้วพ่อก็ปลูกบ้านอย่างนั้น สุดท้ายพอย่ารู้ เพราะว่าเวลาพาพี่ไปหาหมอเนี่ย มีมอเตอร์ไซค์ แต่เขาจะมาบอกว่าดวงมันจะยกหลานมึงให้หมอ ย่าไปโรงพยาบาลเลย ด่าแบบเจ็บๆ แสบๆ
ตั้งแต่เกิดมาย่าเลี้ยงตลอดเลย?
โก๊ะตี๋ : ตอนเด็ก ย่าจะดูแล และหนูรอดตายเพราะย่า พอย่าเอากลับมาบ้าน แกก็ไม่รู้ เพราะแกไม่ใช่หมอ ทีนี้ตัวเริ่มเขียว ย่าก็ทำใจแล้ว น่าจะไม่รอด ก็เอากระด้ง ธูปเทียน ดอกไม้ มาวาง เตรียมฝังแล้ว นี่ย่าเล่าให้ฟังนะ เสร็จปุ๊บเราก็เริ่มหายใจไม่ค่อยออก ตัวเริ่มเขียว หน้าเริ่มเขียว หนทางสุดท้ายที่อยากจะช่วยหลาน มันหลายใจไม่ออก ย่าก็ไปเอาหอมแดงตำๆ แล้วมาโปะหน้าเรา เพราะว่ามันเหมือนสำลักน้ำคร่ำพรวดออกมา แล้วตัวก็เริ่มกลับมาแดง สุดท้ายรอดเพราะหอมแดง
จริงไหมที่ตอนเด็กๆ เข้ากับแม่ไม่ได้ เพราะย่าเป็นคนสอนให้ด่าแม่?
โก๊ะตี๋ : มันไม่รักมึง มันอย่าไปเรียกมันว่าแม่ เรียกมันอีเรือง มันไม่รักมึง มันเอามึงไปทิ้งไง ย่าก็ใส่
เรารู้สึกยังไงที่ย่าพูดอย่างนั้น?
โก๊ะตี๋ : แล้วยิ่งพอโตมาเราดื้อ แม่ก็ตีเรา โดนทุกวัน
เคยถามแม่ว่าตอนเด็กๆ แม่ตีเราจังเลย?
โก๊ะตี๋ : เราดื้อ พฤติกรรมเราด่าแม่ เราเถียงแม่
ย่าเห็นไหมพฤติกรรมที่เราทำกับแม่?
โก๊ะตี๋ : เห็น ย่าชอบดิ ย่าสะใจ ก็ย่าเขาไม่ชอบแม่อยู่แล้ว เขาสั่งสอนให้เราเกลียดแม่มาตั้งแต่เด็ก มันก็เลยกลายเป็นว่าพอแม่จะตีปุ๊บเราก็วิ่งเข้าบ้านย่า แม่เคยคิ้วแตกเพราะย่า เราบอกย่าแม่ตีหนู ย่าตำน้ำพริกอยู่เขวี้ยงสากกระเบือใส่แม่ โดนแตกเลย มึงอย่าม่าแตะต้องหลานกุนะ มึงออกไปจากบ้านกูเลย
แล้วกี่ปีที่เราคิดว่าสิ่งที่ย่าสอนมันไม่จริง?
โก๊ะตี๋ : พอย่าไม่สบาย เราก็ต้องกลับมาอยู่กับแม่ พอกลับมาอยู่กับแม่เราก็รู้ว่าจริงๆ แม่ก็รักเรานะ การกระทำมันก็บอกเรา ตอนนั้นเรามาอยู่กับแม่สองคน พ่อก็มาทำงานก่อสร้างที่กรุงเทพ พี่ชายคนกลางก็ไปฮ่องกง ติดคุกนี่แหละครับ พี่ชายคนโตก็เหมือนมาทำงานที่กรุงเทพ เราก็ใช้ชีวิตอยู่กับแม่สองคน
แล้วเราปรับตัวยังไง?
โก๊ะตี๋ : ก็ไม่ได้ปรับตัวยังไง ก็เถียง ดื้อเงียบ พอวันเวลาผ่านไป แม่ก็ค่อยๆ บอกเรา ช่วยสอนเรา เรารู้สึกว่าแม่ทำงานหนักเพื่อครอบครัวมาตลvด คือแม่กับพ่อพี่เหมือนกัน พ่อพี่เป็นผู้ชายทำกับข้าวเก่ง กวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า พอทำงานบ้านเสร็จแล้วค่อยทำงานก่อสร้าง แต่แม่พี่ตื่นตั้งแต่ตี 4 เอาวัวไปล่ามที่แหล่ง ไปเกี่ยวข้าว ไถนา ไปดำข้าว แม่คือทำงานนอกบ้านแบบผู้ชายทั้งหมด แม่พี่ทำเป็นอย่างเดียวคือไข่ต้ม เราก็ได้เห็นแม่ทำงานมาตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา คือแม่ลำบาก ตอนนั้นหลังจากที่เรามาอยู่กับแม่แล้ว เราก็เริ่มหารายได้ พอพ่อไม่อยู่ พี่ไม่อยู่ก็ไปเล่นลิเก ตอนนั้นประมาณ 8 ขวบ ที่อ่างทอง ญาติทางฝั่งพี่สาวแม่ แล้วลูกของพี่สาวแม่เป็นลิเกอยู่วัดสระแก้ว มีเจ้าของคณะลิเก แม่ก็เลยเอาไปฝากด้วย พอเริ่มเล่นก็ได้ข้อหาวันละ 25 บาท สมัยนั้น 25 บาทถือว่าเยอะนะ แล้วได้รางวัลมา ก็ลำบากกับแม่มา เริ่มซึมซับแล้ว ซึ่งเราชอบร้องเพลงตามวงเหล้า เราก็เหมือนเป็นตู้คาราโอเกะเคลื่อนที่ พอเราเป็นคนกล้าแสดงออก เราก็ไปเล่นลิเกตอนปิดเทอม หลังจากนั้นก็ไปเล่นลิเกทุกศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ วันธรรมดาไม่เล่น
ทำยังไงสามารถกินไข่เค็มได้ 2 วัน แบ่งกัน 2 คน?
โก๊ะตี๋ : เราเพิ่งรู้ว่ามาอยู่กับแม่แล้วลำบาก ชีวิตอยู่กับแม่แค่ 2 คน แม่ก็ทำกับข้าวไม่เป็น ทำเป็นแต่ไข่เค็ม ปลาเค็ม ไข่ต้ม ทำไข่เจียวยังไหม้ พอเราได้ไข่เป็ดมาแล้วเราก็เอามาให้แม่ คืออยู่กันสองคนแม่ลูก อย่างเดียวที่ต้องกินคือไข่เค็มและปลาเค็ม ไข่ต้ม เพราะอะไร เพราะปลาหาจากทุ่งนาได้ ไข่เราก็มีเราก็ทำไข่เค็มไว้ แล้วแม่ทำกับข้าวไม่เป็น ไข่เค็มหนึ่งฟองก็ผ่าครึ่ง อีกครึ่งนึงจานน้ำไว้ไม่ให้มันเสีย แล้วครึ่งนึงก็แบ่งกันกับแม่
แล้วมีเหตุการณ์ถึงชีวิตด้วยซ้ำ คุณแม่โดนงูฉก?
โก๊ะตี๋ : งูกัดเลย สมัยก่อนเจ้าของคณะลิเก เขาจ้างเราไป ตอนกลางวันเราติดรถใครไปก็ได้ เพราะว่าเจ้าของคณะลิเกกับบ้านเราอยู่ห่างกัน 10 กว่าโล แต่ขากลับลิเกเลิกเที่ยงคืน ตี 1-2 เราไม่ได้นอนบ้านหัวหน้า พี่ก็หลับอยู่หลังแม่ แม่เดินลัดทุ่ง 7-8 โล ถ้าเดินตามถนนประมาณ 12-13 โล วันไหนเป็นคืนเดือนหงาย ข้างขึ้น ข้างแรม พอข้างขึ้นพระจันทร์จะสว่าง แต่พอเป็นข้างแรมมันมืดหมด มันต้องคลำทาง นี่แหละทำมห้แม่โดนกัด พอเราตื่นมาตอนเช้าแม่ขาเขียว แล้วมีรอยงูกัดอยู่ 2 เขี้ยว แล้วมีคนพาแม่ไปโรงพยาบาล ก่อนขึ้นรถแม่บอกว่าหนูไปเอางูด้วยนะอยู่คันนายาวหยิบ แม่กดหลังงูหักไปไหนไม่ได้ ก็ไปเอาเจอด้วย
แล้ววันนั้นแม่รอดชีวิตได้ยังไง?
โก๊ะตี๋ : ก็พาไปโรงพยาบาล เราไม่รู้ เราเด็ก แต่ว่าพอแม่กลับมาก็โอเค เรารู้สึกว่าแม่เป็นผู้หญิงแกร่ง
มีอยู่คำนึงที่พูดกับโก๊ะไม่ได้เลยคือ?
โก๊ะตี๋ : อีตุ๊ด แต่ตอนนี้ไม่ขึ้นแล้ว แต่สมัยก่อนย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีก่อน เวลาอยู่กับเพื่อน พี่เกิดมา พี่อยู่ ป.6 พี่สูง 1 เมตร หนัก 15 กิโลกรัม แล้วในเพื่อนรุ่นเดียวกัน เราไปเล่นกับผู้ชายเขาก็ไม่ให้เล่น เพราะมันดูไม่แข็งแรง เหมือนตอนนั้นเราโดนบูลลี่ อีตุ๊ดๆ แล้วก็มาจับกลุ่มกับผู้หญิง
ทำไมถึงเป็นคำว่าอีตุ๊ด?
โก๊ะตี๋ : เพราะเราเล่นกับพวกผู้ชายไม่ได้ เราก็ต้องไปเล่นกับเพื่อนผู้หญิง เพื่อนผู้หญิงก็สงสารเรา แต่มันทำให้เราเป็นเด็กกิจกรรม และตั้งใจเรียนไปโดยปริยาย พอเรายิ่งอยู่กับผู้หญิง ก็ยิ่งโดนล้อ อีตุ๊ดๆ
แล้วเรารับไม่ได้เพราะอะไร?
โก๊ะตี๋ : คือเราไม่ใช่ตุ๊ดไง มึงจะมาด่ากูตุ๊แได้ยังไง
แล้วเราพิสูจน์ยังไง?
โก๊ะตี๋ : พี่มาพิสูจน์ตอน ม.2 สมัยก่อนเวลาจะขึ้นรถเมลผู้หญิงจะดันตูดให้เพราะเราตัวเล็ก เราก็ถามว่ากูทำยังไงถึงไม่ใช่ตุ๊ด มันก็เกิดการท้าทายกัน ก็ทำสิ่งไม่ดีกับเด็กหัวโจก มึงว่ามึงทำไม่ดีแล้วใช่ไหม มึงดูกู เดี๋ยวกูฉายแสงให้มึงดู เอาแบบนี้เด็กมัธยมอะไรที่ไม่ดีๆ พี่ทำหมด เช่น ดมกาว คือเด็กไม่ดีเขททำอะไรกัน คือสูบบุหรี่ในห้องน้ำ พี่ในห้องเรียน แล้วครูก็ถามว่าทำอะไร เราก็บอกว่าดูดบุหรี่ครับ คือครูเรียกไปตีหน้าห้อง ตีหน้าเสาธง ถามว่าเจ็บไหม เจ็บ แต่ด้วยความเจ็บปวดเราหันมามองสายตาเพื่อน มึงดูกูๆ เพื่อนก็ยอมให้เพื่อนเป็นหัวโจก คนธรรมโลกไม่จำ แล้วจากเด็กได้เกรด 3.75 มาติด ร.ทุกวิชา
อะไรทำให้เราเลิกเรียน?
โก๊ะตี๋ : พอติด ร.ทุกวิชา ก็เรียกผู้ปกครอง อันนี้ไม่ได้เลย ชีวิตมหันต์มาก คือถ้าพ่อเรารู้ว่าเราเป็นคนเก เราเคยเห็นภาพเราคาตา คือพ่อเตะพี่ชายคนกลางสลบคาสำรับข้าว อย่างที่บอกพี่คนกลางไปฮ่องกง จนพ่อตัดหางปล่อยวัด ภาพมันติดตา ไม่ได้ ถ้าเราเอาใบเรียกผู้ปกครองกลับไปให้พ่อ ให้แม่ ไม่ได้ เราก็ออกจากบ้านเลย ตอนนั้นมีเงิน 12 บาท นั่งรถไปที่อำเภอไชโย ไปหาเพื่อนพ่อ หาที่พึ่ง เพราะถ้ากลับไปบอกพ่อเราตายแน่ๆ ก็ไปหาพ่อรอ เขาเป็นเกลอกับพ่อ ก็บอกพ่อรอว่าหนูไม่อยากเรียนแล้ว พ่อไปบอกพ่อยังให้หน่อยว่าหนูจะไปเล่นลิเก พ่อรอก็ไปบอกพ่อว่าเราไม่เรียนแล้ว เขาจะไปเล่นลิเกกับกู
นี้แสดงว่าคือจุดเริ่มต้นของการเข้าวงการ?
โก๊ะตี๋ : จุดเริ่มต้น ก็เล่นลิเกมาที่สิงห์บุรี มาที่นครสวรรค์ แล้วไปเจอกับอาเอ็ดดี้แล้วก็เข้าวงการ
สิ่งต่างๆ จะไม่เกิดขึ้นถ้าไม่มีใครบูลลี่เราว่าตุ๊ด?
โก๊ะตี๋ : ณ ปัจจุบันหนูบอกเลยว่าการบูลลี่กันมันไม่มีอยู่แล้ว แต่ตอนนั้นมันทำกันได้ คือหนูไม่ได้บอกว่าตัวเองเก่งนะ แต่เด็กที่คิดจะไปชีวิตอย่างนี้มันพังเลยก็มี
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่โก๊ะบอกว่าไม่เผาผีแม่?
โก๊ะตี๋ : บอกก่อนว่าแม่พูดกับเรา ไม่ใช่เราพูดกับแม่ แม่บอกว่าถ้าเราตายไม่ต้องมาเผากู คือพอเข้าวงการมาแล้วมีอยู่ช่วงนึงที่เราทำงานหนักๆ แล้วดูแลทุกอย่าง ทีนี้พี่ชายคนโตให้แม่มาขอเงินเราจะไปลงทุนทำนู่น ทำนี่ เราก็ให้ไปครั้งแรกก็ 5 หมื่น พอมันยังไม่พอก็ไปอีกแสนนึง เอาไปอีก สองแสน ครั้งล่าสุดแม่มาขอ สามแสน จะไปลงทุนทำอะไรไม่รู้ ซื้อรถตู้ เราก็บอกแม่หนูไม่ได้พิมพ์แบงก์ได้เองเด้อ หนูก็เหนื่อยนะแม่ มันเหมือนเทน้ำลงบ่อทราย แม่มาพูด ขอๆ เพื่อพี่ชายคนโต แม่รักหนูบ้างไหม มันเหมือนจุกๆ อยู่ข้างใน คือสิ่งที่เราทำ เราทำเพื่อครอบครัวของเรา แต่แม่รักพี่ชายคนโต แม่เคยรักหนูบ้างไหม หนูเหนื่อย แม่เคยเห็นใจหนูบ้างไหม
วันนึงที่พี่น้อยใจที่สุดคือพี่มาจากต่างจังหวัด แล้วพี่ก็มาทำกับข้าวให้แม่ แม่มาจากต่างจังหวัดกับพี่ชายคนโต พอเสร็จแล้วหนูต้องไปถ่ายรายการ คือเราตื่นตี 5 มาทำกับข้าวให้แม่ แต่แค่พี่ชายคนโตไม่กิน แม่ก็ไม่กิน แม่มันอะไรเนี่ย แม่รักหนูบ้างไหม แม่ก็บอกว่าทำไมมึงถามกูอย่างนี้ ก็หนูอยากรู้ หนูทำเพื่อครอบครัว แม่เคยรู้สึกบ้างไหมว่าหนูเหนื่อย หนูท้อแค่ไหน หนูหาเงินได้ก็จริง แต่หนูไม่ได้ไปขอเขา หนูต้องเอาแรงเราไปแลก ทำไมละ เงินแค่นี้มึงมีมันให้พี่ไม่ได้หรือไง
เราบอกว่าให้ได้ แต่มันถมไม่เต็ม แม่ขอหนูมากี่ครั้งแล้วแม่รู้เปล่า แล้วมันเคยเห็นผลอะไรบ้างไหม มึงไม่ต้องเรียกกูว่าแม่ อ่าวแม่…ทำไมแม่พูดอย่างนั้น หรือหนูไม่ใช่ลูกแม่ แม่ไม่รักหนูเหรอ แม่ก็ด่าๆ ขอแค่นี้ไม่ให้ นี่บ้านมึงใช่ไหม บ้านมึงกูไม่เหยียบ บอกพี่ชายคนโตกลับเลย เดี๋ยวมันจะเป็นเสนียดจันไรกับบ้านมึง แม่พูดอย่างนี้ แล้วกูตายไม่ต้องมาเผากู ด้วยความที่เราน้อยใจ ด้วยความที่เราอัดอั้นมานาน เราก็แบบโอเค ถ้าแม่พูดแบบนี้ ไม่เป็นไร ปีนึงเต็มๆ ที่พี่ไม่กลับบ้าน ไม่เคยยุ่ง ไม่เคยอะไรเลย
อะไรที่กลับมาคุยกันเหมือนเดิม?
โก๊ะตี๋ : พอเหมือนพี่ทำกับแม่อย่างนี้ชีวิตพี่ตกต่ำลงเรื่อยๆ เลย มีปัญหาที่ตัวเอง มีปัญหาที่วงการ ถูกผู้ใหญ่แกล้ง โดนทำร้ายทุกอย่าง จนรู้สึกว่าทำไมชีวิตเราต้องมาเจอแบบนี้ หรือเป็นเพราะว่าเราทำแบบนี้กับแม่มันเลยส่งผลให้ตัวเราเป็นแบบนี้ ตอนนั้นเราคิดเอง พอโดนทำร้ายมากๆ ขึ้นก็อยากกลับบ้านไปหาแม่ อยากไปกราบเท้าแม่ ก็กลับไปอ่างทอง
พอไปถึงปุ๊บสิ่งแรกที่ทำคือ?
โก๊ะตี๋ : เราก็กราบแม่ บอกแม่ผมขอโทษ แม่ก็อุ้มเรามากอด แล้วก็ร้องไห้ หนูรักแม่นะ คำว่าแม่ยังไงก็ฆ่าไม่ตาย ขายไม่ได้ ยังไงมันก็คือสายเลือด แม่บอกไม่เป็นไรลูก แล้วก็ร้องไห้ หนูบอกว่าหนูอยากบวชให้แม่ พอเราบวชเสร็จปุ๊บ หลังจากที่พี่บวชชีวิตพี่เปลี่ยนไปเลย เปลี่ยนวิธีคิด เราให้เงินแม่ เราพอใจไหม เราดีใจหรือยัง เราสุขใจไหมที่เราให้แม่ พอเราสุขใจแล้ว แม่จะไปให้ใคร ก็คือความสุขของเขา
ติดตามชมรายการคุยแซ่บ Show ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.05-14.05 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama