นักแสดงเจ้าบทบาท แอน สิเรียม ควงสามีหนุ่มนักธุรกิจ จัสติน เทดด์ วัย 61 ปี และลูกสาว น้องนนนี่ มาเปิดตัวพร้อมหน้า พร้อมตาที่แรก งานนี้เจ้าตัวยังเผยเส้นทางความรักกับสามีนักธุรกิจที่ยาวนานกว่า 10 ปี พร้อมทั้งเคลียร์ข่าวเม้าท์ แอน เกาะสามี แถมประเด็นของลูกสาวที่แต่งงานสายฟ้าแล่บ สรุปตอนนี้เลิกหรือไม่เลิก โดยทั้ง 3 คนมาเปิดใจผ่านทางรายการคุยแซ่บ Show ทางช่องOne31 ที่มี บูม สุภาพร และ ได๋ ไดอาน่า เป็นพิธีกร
แต่งงานกันมาตอนนี้ก็ยังสวีทอยู่?
แอน : “ไม่ค่อยสวีทเท่าไหร่นะคะ ประมาณกลางๆ”
ไม่ค่อยมีคนเห็นคุณจัสตินออกทีวี?
แอน : “หลังๆ ก็เยอะ แต่ว่ามานั่งทอล์ก นั่งคุยแบบนี้ไม่มี ดูสิเกร็งเป็นหุ่นเลย”
แต่งงานมากี่ปีแล้ว?
แอน : “7 ปี”
พี่แอนให้มาให้เป็นพิธีงานหมั้น แต่ขอห้ามโพสต์ลงสื่อ ณ ตอนนั้นทำไมถึงเก็บเป็นความลับ?
แอน : “ตอนนั้นเรารู้สึกเกร็งๆ แล้วเราไม่ได้แต่งงานครั้งแรก ก็เลยไม่อยากให้ใครเห็นเท่าไหร่ แล้วสามีก็เป็นคนต่างชาติด้วย จริงๆ แล้วแอนไม่ชอบฝรั่งเลย เป็นลูกครึ่งนะ แต่ว่าแอนไม่ชอบ แอนกลัว มันเหมือนมีปมมาตั้งแต่เด็กๆ”
เจอกันได้ยังไงถึงมาพบรักกัน?
แอน : “ไปเจอที่รีสอร์ทเขา ตอนนั้นไปเช่ารีสอร์ทคุณจัสตินที่บางเสร่ ก็เลยเป็นการพบกันครั้งแรก”
เห็นว่าเจอกันครั้งแรกคิดว่าเขาเป็นเกย์?
แอน : “ใช่ๆ แบบว่าน่าจะสองอย่าง ชอบทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ก็ถามเขาคิดว่าเขาเป็นเกย์ เพราะเขาสำอาง”
อะไรที่ทำให้เราตัดสินใจลองคุยกับคนนี้?
แอน : “เขาเขียนอีเมลจีบแอนอยู่เป็นปี แอนก็งง จีบทางอีเมล์ยากจังเลย ภาษา ศัทพ์เป็นทางการมาก”
จัสติน : “ตอนแรกเขาจะมาพักที่รีสอร์ท แล้วงงมากเพราะสตาร์ฟทุกคนซุบซิบๆ ว่าแอน สิเรียม จะมา เขาก็งง แต่พอเจอปุ๊บรู้สึกว่าเหมือนเป็นรักครั้งแรก”
แอน : “แต่พี่ไม่รู้สึกอย่างนั้นเลยนะคะ แอนคิดว่าเขาเป็นผู้ชายที่สุภาพจัง แต่บางทีด้วยถ้อยคำ คำพูดไม่ค่อยสุภาพเท่าไหร่ เขาก็จะแซวๆ ภาษาอังกฤษเธอไม่ดีไม่เป็นไรนะ แต่ถ้าไปเที่ยวฮอลิเดย์กับเขาสัก 6 เดือนภาษาอังกฤษเธอจะเก่งมากเลย เราก็งง นึกยังไงฉันจะไปกับเธอ แต่เขาก็เป็นเหมือนโจ๊กฝรั่ง ล้อเล่น แหย่ๆ”
ตอนนั้นพอเขอเสร็จมีการจีบต่อยังไง?
จัสติน : “ส่งอีเมลไปหาตลอดเวลาเลย 3-4 เดือน แรกๆ เขาก็ตอบแบบสั้นๆ สุภาพ มีมารยาท หลังๆ คือไม่ตอบแล้วก็หายไปเลย คนเราทุกคนแม้จะรักแค่ไหน แต่ความอดทนเรามีขีดจำกัด 3-4 เดือนไม่ส่งหาแล้ว”
แอน : “ไม่ส่งก็ไม่ส่งไม่เป็นไร ตอนนั้นเขาก็ส่ง sms มาบ้าง แต่มันก็ไม่ได้คอนแทคกันจนกระทั่งลูกไปเรียนที่อังกฤษเราก็เลยได้ไปเจอกันอีกทีโดยบังเอิญ ก็เลยเริ่มคุยด้วย ไปไหนมาไหนด้วยกัน”
2 ปีเต็มเขาโทรมาหาไม่รับโทรศัพท์?
แอน : “เขาไม่ได้โทรทุกวันขนาดนั้น”
อะไรที่ทำให้พี่แอนเปิดใจลองคบ ลองคุย และแต่งงานกับคนนี้?
แอน : “พอคุยไปด้วยแล้วสนุก มีความรู้สึกว่าเขาเป็นธรรมชาติดีไม่ต้องปรุงแต่งอะไรมาก ต่างคนก็ชอบกินเหมือนกัน เขาก็ชอบออกกำลังกายเหมือนกัน รู้สึกว่าไลฟ์สไตล์เราเข้ากันมากกว่า”
ทราบหรือเปล่าคุณแอนผ่านการแต่งงานมาก่อน?
จัสติน : “ไม่รู้จำไม่ได้เหมือนกัน ไม่คิดว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะต้องจำ”
จัดงานแต่งงาน 2 ที่ ที่อังกฤษและที่ไทย?
แอน : “มันเป็นอะไรที่เล็กๆ มาก ที่ไทยคือเขาชอบพิธีทางไทย แต่ว่าช่วงนั้นลูกเราก็มาไม่ได้ เราก็เลยจัด 2 ครั้ง เพราะว่าเพื่อนเขาก็ไม่สามารถบินมาเมืองไทยได้ทุกคน เพื่อนสนิทเขาก็เลยต้องจัดที่อังกฤษอีกครั้งนึง”
พี่แอนอยู่ในที่สาธารณะ แต่งงานปุ๊บดราม่าเลย?
แอน : “ก็มีค่ะ หลายๆ คนจะพูด พี่โดนกอสซิบ โดนบูลลี่เยอะเหมือนกัน หลายๆ คนก็จะพูดว่าใช่สิ มีสามีฝรั่ง แต่เขาไม่ได้ใช้คำว่าสามี ก็ทำอย่างนี้ เกาะสามีกินไม่ต้องทำงานแล้ว ก็โดนเยอะเหมือนกัน เพราะโดยสังคมทั่วๆ ไป ถึงแม้ว่าตอนนี้มันจะเป็นอะไรที่เปิดแล้วก็ตาม แต่ว่าลึกๆ มันก็มีนิดนึง อีกระดับนึงอยู่ บางทีอาจจะไม่เป็นคำพูด แอนมองว่าคนเราเกิดเป็นคนเหมือนกัน ไม่ว่าชาติไหน ภาษาไหน ก็เกิด แก่ เจ็บตายเหมือนกัน แล้วความรักเราไม่ใช่เด็กๆ แล้ว”
เวลาเห็นข่าว มันทำให้เรารู้สึกยังไง?
แอน : “บางทีก็รู้สึกแย่นะคะ ช่วงที่ทำงานเยอะๆ จิตตกก็มีบ้างเหมือนกัน แต่หลังๆ แอนรู้สึกว่าเราไม่ต้องเอามันมาแบกไว้ ไม่มีใครรู้จักเรา 2 คนดี เท่ากับเราสองคน”
จัสติน : “ตอนนั้นเขาไม่ได้บอกอะไรเลย เห็นเขาโอเค เราก็โอเค คือไม่ได้รู้ว่ามีเรื่องนี้เกิดขึ้น”
แอน : “บางทีเรื่องไม่เป็นเรื่องเราก็ไม่อยากบอกให้คนอื่นทุกข์ บางทีสังคมมันไม่เหมือนกันในความรู้สึกแอนนะคะ”
เห็นหวานๆ แบบนี้ก็มีช่วงที่เกือบไปกันไม่รอดเหมือนกัน?
แอน : “ก็มีนะคะ ภาษาเราไม่ได้แข็งแรงมาก พูดก็เข้าใจหมดทุกอย่าง แต่มันไม่ได้ลงดีเทลลึกเหมือนภาษาไทยที่เราเข้าใจ มันก็มีบ้างบางทีที่ฉันอยากจะอธิบายให้เธอเข้าใจตรงนี้ แต่เธอก็ไม่เข้าใจ ส่วนมากมันจะเกิดขึ้นตอนอยู่ในประเทศไทยมากกว่าอยู่ประเทศอังกฤษ”
ทะเลาะกันเรื่องอะไร?
แอน : “คิดไม่ออก เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ”
จัสติน : “คนเราต่างพ่อ ต่างแม่มาอยู่ด้วยกัน บางทีมันก็มีทะเลาะกันบ้างเล็กๆ น้อยๆ นิดหน่อย”
ผอมลง สวยขึ้นไปทำอะไรมา?
นนนี่ : “ไม่ได้ทำอะไรเลย ช่วงนั้นกลับมากักตัวอยู่บ้าน แม่ก็เลยให้ออกกำลังกาย”
ตอนแรกที่น้องนนนี่ได้เจอกับคุณจัสติน ตอนนั้นเป็นยังไง?
นนนี่ : “ตอนนั้นหนูก็ไม่ได้มีคอมเมนต์อะไรอยู่แล้ว ตอนนั้นเหมือนเราเด็กมาก น่าจะประมาณ 15 เหมือนแล้วแต่แม่เลย ไม่ได้มีคอมเมนต์ว่าชอบไม่ชอบ อะไรที่แม่มีความสุขก็ตามใจคุณแม่เลย”
เราเรียกคุณจัสตินว่าอะไร?
นนนี่ : “เรียกจัสตินเลย เขาก็ดูแล ทำหน้าที่พ่อไปเลย”
มีอะไรจะบอกคุณจัสตินไหม?
นนนี่ : “ขอบคุณที่เข้ามาในชีวิตของครอบครัวเรา เข้ามาในชีวิตคุณแม่ ทำให้ทุกอย่างมันมีความสุขมากๆ”
จัสติน : “ขอบคุณน้องนนนี่ที่ทำให้ทุกอย่างมันง่ายมากในการที่เราเป็นครอบครัวด้วยกัน”
แอน : “ต้องบอกว่าช่วงก่อนที่เราจะเข้ากันได้ 100% ก็ต้องพึ่งคุณจัสตินที่ต้องช่วยประสาน ปรับความเข้าใจเพราะว่าแม่ก็อยากให้ลูกเป็นได้ดั่งใจทุกอย่าง ลูกก็มีความเป็นตัวของตัวเองสูงเหลือเกิน จัสตินก็จะมาอธิบายให้แอนเข้าใจมากยิ่งขึ้นว่าบางทีเราต้องเปิดโอกาส ให้ลูกได้ใช้ชีวิตอย่างที่เขาอยากจะทำ มันทำให้เราหาทางออกเจอ ทำให้เราเข้าใจลูกและสามี แล้วแอนก็เข้าใจการใช้ชีวิตครอบครัว”
คู่แม่ลูกคู่นี้ดูสนิทกันดี แต่ก่อนหน้านี้ก็มีเรื่องให้คุณแม่ช็อกน้ำตาตกใน?
แอน : “ก็หลายเรื่องอยู่เหมือนกันนะ แอนว่ามันเป็นเรื่องปกติของคนเป็นแม่ บางทีเรามักจะเจออะไรที่เราคาดไม่ถึง อย่างเช่นแบบว่า แม่หนูจะแต่งงานแล้วนะ”
เขาไม่เคยเกริ่นมาก่อนเหรอว่าเขามีแฟน?
แอน : “เขาก็เกริ่นมาบ้างว่าเขาเป็นแฟนกับคนนี้นะ แล้วอยู่ๆ เขาคงคิดว่าเขาอยากจะแต่งงานแล้วแหละ”
คุณแม่ทราบพร้อมข่าว หรือน้องนนนี่บอกให้ทราบก่อน?
แอน : “บอกให้ทราบก่อน เขาก็ทำทุกอย่างถูกต้อง ไม่ได้มีอะไรเสียหาย แต่ว่าเรามองว่าวัยนี้การแต่งงานมันอาจจะเร็วไป ก็ถามสามีว่ายังไง”
จัสติน : “ก็เห็นด้วย”
แต่ความเป็นแม่ทำไมถึงรู้สึกว่าเด็กเกินไปหรือเปล่า?
แอน : “ไม่รู้อะ เรามองว่าเด็ก ตอนแต่งงานเราก็เด็ก ลูกก็บอกเราว่าตอนแม่แต่ก็อายุประมาณหนูไม่ใช่เหรอ สุดท้ายก็แล้วแต่ลูก”
สรุปตอนนี้ความสัมพันธ์ของเราเป็นยังไง?
นนนี่ : “เลิกกันแล้วค่ะ เลิกกันประมาณช่วงปลายปีที่แล้ว เพราะว่าตัวพี่เขาเองกลับไปอังกฤษประมาณช่วงกลางปี คือเขาอยากจะกลับไปอยู่ที่นู่น แต่ว่าเราอยากอยู่ที่นี่ ความคิดเห็นไม่ค่อยตรงกันก็เลยแยกย้าย”
สิ่งที่เกิดขึ้น แม่รู้สึกยังไง?
แอน : “แอนไม่ได้รู้สึก แอนเป็นแม่เขา แต่ว่าแอนไม่ได้เป็นเจ้าของชีวิตเขา ดังนั้นเขาทีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจเลือกว่าเขาอยากจะทำอะไรมากกว่า ไม่ว่าเขาจะตัดสินใจยังไง แอนก็เคารพในการตัดสินใจของเขา แล้วแอนก็จะคอยซัพพอร์ตเขามากกว่า แอนก็แฮปปี้นะที่ลูกมีโอกาสกลับมาอยู่เมืองไทย ได้อยู่กับคุณยาย ได้เจอญาติพี่น้อง ได้กลับมาเจอวงสังคมแบบไทยๆ สุดท้ายที่นี่คือบ้าน เขาก็คุยกันดีอยู่นะคะ ไม่ได้เลิกกันแล้วไม่คุยกัน เลิกกันแบบเข้าใจกัน”
มันทำให้มุมมองความรักเราเปลี่ยนไปไหม?
นนนี่ : “ไม่เปลี่ยนเท่าไหร่นะคะ โอเคเราคบกับใครเราก็จะเต็มที่อยู่แล้ว แต่พอมันเดินมาถึงตรงนี้แล้วมันไปกันไม่ได้ เราก็ไม่อยากจะฝืนมันแล้ว”
ตอนนี้มีใครใหม่หรือยัง?
นนนี่ : “ไม่มี ยังไม่มี”
ติดตามชมรายการคุยแซ่บ Show ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.30-14.30 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama