แม่สุดช็อก ลูก 2 ขวบเป็นไข้-ส่งเข้ารพ.แค่ 2 วัน สุดท้ายปอดติดเชื้อดับสลด เปิดใจอยากได้ชีวิตลูกคืน ให้เงินเยียวยากี่ล้านกี่แสนก็ไม่ได้ชีวิตคืนมา
วันที่ 11 เม.ย.66 ที่สำนักงานทนายคู่ใจ ถนนแจ้งวัฒนะ ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นางวีรกานต์ บุญกลอย อายุ 30 ปี ข้าราชการครู เข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือกับทนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร ว่าเมื่อวันที่ 17.มี.ค.ที่ผ่านมา พาลูกชายคือน้องโอโซน อายุ 2 ขวบ 7 เดือน ไปหาหมอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจ.ร้อยเอ็ด ด้วยอาการมีไข้ประมาณ 38 องศา และไอ หลังการตรวจหมอแจ้งว่าเป็นหลอดลมอักเสบ พร้อมถามว่าจะแอดมิทหรือกลับบ้าน ถ้ากลับบ้านต้องมาพ่นยาทุกวัน จึงบอกว่าแอทมิท จากนั้นหมอให้น้องเอกซเรย์ปอด พร้อมตรวจหาเชื้อไวรัส 22 ชนิด พ่นยาและมียามาฉีดใส่สายน้ำเกลือ
ต่อมาวันที่ 18 มี.ค. เวลาประมาณ 09.00 น. หมอเข้ามาตรวจเยี่ยมอาการน้องและฟังเสียงปอด พร้อมบอกผลเอกซเรย์ปอดและผลเลือดว่าปอดน้องปกติ น้องเป็นแค่ติดเชื้อไวรัส แต่เชื้อยังไม่ลงปอด หมอถามว่าน้องร่าเริง ทานข้าวได้ไหม ตนก็ตอบว่าทานได้ ร่าเริงดี แต่ยังมีแค่อาการไอ จากนั้นหมอแจ้งว่าเดี๋ยวให้พ่นยาขยายหลอดลมอีก แล้วหมอก็ออกไป ซึ่งในตอนนั้นลูกชายยังเล่นได้ตามปกติ โดยยังเข็นเสาน้ำเกลือเดินรอบห้อง จนกระทั่งเวลาประมาณ 14.00 น. หมอเข้ามาแล้วบอกแบบเดิมว่า ปอดปกตินะคุณแม่ จากการฟังเสียง ไข้ก็ไม่มีแล้ว พรุ่งนี้น่าจะกลับบ้านได้ แล้วหมอก็ออกไป
จนกระทั่งเวลาประมาณ 16.15 น. มีพยาบาลเข้ามาฉีดยาใส่สายน้ำเกลือเพิ่มเติม ในขณะที่ลูกชายตนยังดื่มนมอยู่ แต่หลังถูกให้ยาไปเพียง 5 นาทีลูกชายบอกว่าแม่เจ็บหัว แล้วก็อ้วกออกมา จนดูอ่อนเพลีย ตนเลยเรียกพยาบาลมาดูอาการ ทางพยาบาลเห็นอาการ จึงนำเครื่องวัดออกซิเจนมาวัด พบน้องหัวใจเต้นเร็ว 170-180 ออกซิเจนในเลือดเหลือ 80-85 ทางพยาบาลนำท่อออกซิเจนมาให้น้องสูดดม ออกซิเจนในเลือดก็ไม่เพิ่ม พยาบาลจึงแจ้งว่าเดี๋ยวต้องแจ้งคุณหมอ ผ่านไปสักพักพยาบาลมาบอกว่าน้องต้องลงไป PICU จึงโทรตามพ่อน้องมาที่โรงพยาบาล เมื่อมาเห็นลูกมีอาการอ่อนเพลีย จึงถามพยาบาลไหนว่าจะย้ายลงไป PICU พยาบาลแจ้งว่ารอเปลอยู่
นางวีรกานต์ เล่าอีกว่า หลังจากย้ายลงไป PICU น้องยังสูดออกซิเจนอยู่ แต่ค่าออกซิเจนก็ไม่เพิ่ม ยังอยู่ที่ 80-90 หัวใจก็เต้นเร็ว กินนมทีไรก็อ้วก ทางพยาบาลแจ้งว่าจะเอกซเรย์ปอดอีกรอบ ซึ่งผลเอกซเรย์ออกมาพบว่า ปอดน้องเป็นฝ้าขาวทั้งแผ่น พ่อกับแม่ตกใจมาก เป็นได้ไง เมื่อวานยังบอกปอดปกติ จากนั้นหมอเข้ามาดูอาการแล้วบอกว่า น้องอาจจะต้องใส่ออกซิเจนแบบสองรูจมูก แต่ถ้าไม่ดีขึ้นต้องใส่เครื่องออกซิเจนแรงดันบวก และใส่ท่อช่วยหายใจ จากนั้นนำเครื่องออกซิเจนแรงดันบวกมาใส่ ทางพยาบาลแจ้งว่าเครื่องไม่คอมพลีท พยาบาลบอกว่าน้องน่าจะมีเสมหะ จะเอาน้องไปดูดเสมหะ ขณะรอที่เตียงผู้ป่วยก็เห็นพยาบาลอุ้มน้องวิ่งออกมาในสภาพอ่อนแรง ตนเห็นถึงกับร้องไห้ ทางพยาบาลแจ้งให้เราสองคนรอข้างนอก
จนเวลาประมาณ 22.00 น. หมอถึงเข้ามา แล้วออกมาแจ้งบอกว่า น้องต้องใส่ท่อช่วยหายใจ ตนสังเกตเห็นพยาบาลพากันวิ่งวุ่น ก่อนที่หมอจะออกมาบอกว่าต้องให้หมอวิสัญญี มาช่วยใส่ท่อ ผ่านไปสักพักหมอมาบอกว่าใส่ท่อไปแล้ว น้องมีเลือดออกที่ปอด ขณะที่อุปกรณ์ช่วยเหลือพังซ่อมยังไม่เสร็จ ต้องส่งต่อน้องไปอีกโรงพยาบาล เพราะออกซิเจนในเลือดต่ำมาก ต้องหาทางให้ออกซิเจนเพิ่ม จนประมาณ 00.50 น. เจ้าหน้าที่เข็นน้องออกมา ซึ่งตนเห็นในจอออกซิเจนในเลือดเหลือ 38 ระหว่างทางไปโรงพยาบาลสังเกตเห็นออกซิเจนลดลงเรื่อยๆ จาก 29 เหลือ 21 พอถึงอีกโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่รีบพาเข้าวอร์ด picu เวลาผ่านไป 20 นาที หมอออกมาบอกว่า “คุณพ่อคุณแม่ ทำใจหน่อยนะครับ น้องมาถึงก็ไม่หายใจแล้ว ตอนนี้กำลังปั๊มอยู่” หลังจากปั๊มไปประมาณ 30 นาที น้องยังไม่กลับมาเลย หมอบอกเลือดออกจากปอดเยอะมาก และให้เข้าไปดูลูก เพราะน้องไม่กลับมาแล้ว
นางวีรกานต์ กล่าวอีกว่า งานศพน้อง ทางโรงพยาบาลนำพวงหรีดมาวาง และใส่ซองทำบุญมา 20,000 บาท ชีวิตลูกเรามีค่าแค่เงิน 20,000 บาทเองเหรอ และวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่าน ทางโรงพยาบาลโทรมาถามว่าอยากให้โรงพยาบาลทำไงจิตใจคุณแม่ถึงจะดีขึ้น ตนไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร เพราะอยากได้ลูกคืนแล้ว ทางโรงพยาบาลคืนให้ได้ไหม หรือคำถามหมายถึงเงินเยียวยาหรือเปล่า ตนก็ไม่รู้เพราะเขาถามมาแบบนี้ กี่แสนกี่ล้านดีกับชีวิตลูกตน คำชี้แจงจากหมอผู้รักษาก็ยังไม่มี
ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร กล่าวว่า สำหรับโรงพยาบาลเอกชนอยู่ในความดูแลของสบส. ซึ่งมีทุกจังหวัดหรือจะแจ้งที่กระทรวงสาธารณสุขก็ได้ เพื่อให้มีการตรวจสอบไปยังโรงพยาบาลดังกล่าว ถ้าตรวจสอบแล้วพบว่ามีการประมาทเลินเล่อก็สามารถใช้สิทธิ์ทางศาลให้ดำเนินการต่อไป อย่างแรกทางโรงพยาบาลต้องตอบให้ได้ว่า สาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากอะไร เป็นการรักษาล่าช้า อุปกรณ์ไม่พร้อม หรือสาเหตุอะไร