แม่ร้องหน่วยงานรัฐช่วยเหลือ อ้างถูกลูกสาวทำร้ายร่างกาย ด้านลูกสาวโต้ไม่ได้ตบตี แค่ทุบกระจก เพราะโมโห ซัดแม่ต่างหากที่เป็นฝ่ายมาระราน
วันที่ 17 ม.ค. 65 นางสาวเพชรรัตน์ ภูมาศ นายอำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ได้มอบหมายให้ นายจักร์กฤษ ร่วมกูล ปลัดอําเภอฝ่ายความมั่นคง , นายธนธรณ์พล ไขว้พันธุ์ ปลัดอำเภอ ร่วมกับเจ้าหน้าที่กองสวัสดิการองค์การบริหารส่วนตำบลสะเดา ตำรวจ สภ.นางรอง และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีที่หญิง อายุ 58 ปี ชาวบ้านในตำบลสะเดา อ.นางรอง ร้องเรียนว่าถูกลูกสาวทำร้ายร่างกาย
จากการสอบถาม หญิง อายุ 58 ปี ผู้ร้องเรียน เผยว่า ระยะหลังลูกสาว อายุ 30 ปี มีนิสัยก้าวร้าวชอบด่าและเคยทำร้ายร่างกายแม่มาแล้ว 2 ครั้ง ด้วยการทุบตีตามร่างกายแขน โดยล่าสุด ช่วงเช้าวันที่ 13 ม.ค. ลูกสาว ได้เข้ามาหาลูกสาว อายุ 7 ขวบ ซึ่งเป็นหลานสาวของตน เพื่อจะพาไปส่งโรงเรียน เนื่องจากหลานสาวคนดังกล่าวก็จะไป ๆ มา บ้านตนและบ้านลูกสาวที่อาศัยอยู่กับสามี ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 500 เมตร แต่จู่ ๆ ลูกสาวกลับโวยวายต่อว่าตนว่าไม่ยอมเอาหลานไปส่งที่บ้าน ก็ด่าทอสารพัด
ทั้งยังพยายามจะเข้ามาทำร้ายตนเอง จึงวิ่งเข้าไปหลบเข้าไปในห้องน้ำ สักพักลูกก็เอาเหล็กทุบกระจกห้องน้ำจนแตก ด้วยความกลัวจึงตัดสินใจวิ่งสวนออกมาจากห้องน้ำ และบอกให้หลานสาว รีบกลับไปบ้านไปก่อน เพื่อที่ลูกสาวจะได้ใจเย็นลง จากนั้นตนก็วิ่งเข้าไปหลบในบ้านแล้วล็อกประตู จากพฤติกรรมดังกล่าวเชื่อว่าลูกสาวอาจจะมีอาการป่วยทางจิต หรืออาจจะมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเสพติด จึงอยากให้เจ้าหน้าที่นำตัวไปตรวจและบำบัดรักษา เพราะเกรงว่าหากปล่อยไว้อาจจะทำร้ายหลานหรือลูกในไส้ของตัวเองได้
ด้าน น.ส.บี (นามสมมติ) ลูกสาวของผู้ร้องเรียน กล่าวว่า ตนอยู่กับสามีและลูก 3 คน คนโตลูกสาว อายุ 7 ขวบ คนที่สองลูกชาย อายุ 3 ขวบ และคนที่สาม ลูกสาว อายุ 3 เดือน ขอปฏิเสธว่าที่ผ่านมาตนไม่เคยทำร้ายแม่ แต่ยอมรับว่าวันที่เกิดเหตุโมโหที่แม่ไม่ยอมเอาลูกสาวคนโตกลับมาส่ง เพราะจะต้องส่งไปโรงเรียน พอไปคุยเพื่อจะบอกแม่ว่าอย่าทำแบบนี้อีกก็เกิดมีปากเสียงกัน แล้วแม่ก็หนีเข้าห้องน้ำ จึงโมโหใช้เหล็กทุบประตูกระจกแตกเสียหายจริง แต่ไม่คิดจะทำร้ายแม่เลย
ยืนยันว่าตนเองไม่ได้ป่วย และไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเสพติดตามที่แม่กล่าวอ้างเลย แต่ยอมรับว่ามีปากเสียงทะเลาะกันแม่บ่อย เพราะแม่ชอบมาแอบเอาหลานคนโตไป แล้วก็ชอบมาด่าตน แต่รับปากว่าจะไม่แสดงพฤติกรรมแบบนี้อีก หากแม่ไม่ด่าตนก่อน
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด น.ส.บี กับสามี ก็ไม่พบสารเสพติดในร่างกาย แต่ก็ได้ทำบันทึกเอาไว้ว่าจะไม่มีพฤติกรรมทำร้ายแม่เหมือนที่ผ่านมา หากเกิดขึ้นอีกและหากแม่แจ้งความก็ต้องดำเนินการทางกฎหมาย ทั้งนี้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จะได้หาแนวทางป้องกันและช่วยเหลือครอบครัวดังกล่าว เนื่องจากมีเด็กเล็ก