นางเอกเรื่องราวดีๆ แพนเค้ก เขมนิจ ที่วันนี้จะมาเปิดใจ ดราม่าอดีตผู้จัดการส่วนตัวโกงเงิน พร้อมควงน้องชาย พัตเตอร์ มาเปิดความสนิทแบบฉบับพี่น้อง รับเพิ่งมาสนิทกันช่วงหลังๆ แล้วเรื่องอะไรที่ทำให้พี่น้องทะเลาะกันไม่คุยกันเป็นเดือน ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มีหนิง ปณิตา และ อาจารย์เป็นหนึ่ง เป็นพิธีกรดำเนินรายการ 

เรื่องผู้จัดการโกงเงินยังไง ? 

แพนเค้ก : บอกแบบภาพรวมแล้วกัน จริงๆ แพนกับแม่ทำงานมาปีนี้ครบ 20 ปี พอเราทำงานมานาน เราก็เจอมาทุกรูปแบบ อย่างล่าสุดที่เป็นข่าว ส่วนตัวของแพนเราไม่ได้รับผลกระทบอะไรในส่วนนี้ เพราะคุณแม่ค่อนข้างเข้มงวด ช่วงหลังพี่หมีเองก็จะเข้ามาช่วยดูในบางส่วนด้วย เพราะฉะนั้นเราจะพยายามรอบคอบกับเรื่องเหล่านี้เยอะ เพราะจริงๆ แล้วเราเจอที่หนักมาเหมือนกัน ที่เราไม่คิดว่าเราจะเจอเรื่องแบบนี้ 

กับผู้จัดการหรือคนใกล้ตัว ? 

แพนเค้ก : ใช่ค่ะ ที่ดูเรื่องงานให้ ในบางชิ้นงาน 

ซึ่งเรื่องนี้คือก่อนหน้านี้ ? 

แพนเค้ก : ก่อนหน้านี้ ซึ่งเราเพิ่งมารู้เมื่อหลายปีให้หลังมานี้ คุณแม่เองตั้งแต่วันแรกที่เราทำงานมา คุณแม่จะดูแลมาตลอด อาจจะเป็นบางงาน หรือเป็นบางช่วงเวลาที่มีพี่ๆ เข้ามาช่วยกัน 

คนล่าสุดด้วยเพราะคุณแม่เป็นคนรอบคอบ ก็เลยทำให้ผลกระทบนี้ไม่เจอ? 

แพนเค้ก : ณ ตอนนี้ โดยตรงไม่ได้รับผลกระทบตรงนั้นเยอะมาก เราก็ดูกันเป็นเคสบายเคส 

แต่ละคนที่เขาได้รับผลกระทบโดยตรง เขาได้มีโอกาสโทรคุยกับแพนบ้างไหม? 

แพนเค้ก : จริงๆ ไม่ได้คุยกับพี่ๆ โดยตรง แต่เราก็ติดตามผ่านข่าว เข้าใจจริงๆ สำหรับคนทำงานทุกคน มันมีรายละเอียดของการทำงานทำงานเยอะ แพนเชื่อว่าทุกคนมีโอกาสที่จะได้เจอ รายละเอียดของงานเหล่านี้อยู่ตลอด 

คนก่อนหน้านี้ที่เล่ากับคนปัจจุบัน คือคนละคน? 

แพนเค้ก : คนละคน คนปัจจุบันไม่ได้มีอะไร อาจจะมีข่าวอื่นๆ แต่สำหรับตัวแพน ในเรื่องราวของเราไม่ได้มีอะไร ถ้าคนก่อนที่แพนบอก ว่าเจอมันหนักเหมือนกัน ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นของการดำเนินการอยู่ ทำให้เราเอง คุณแม่เอง พี่หมีเอง เราต่างต้องรอบคอบในการดูเรื่องรายละเอียดต่างๆ ของการทำงานเยอะมากขึ้น 

พอข่าวออกมาบางคนก็เข้าใจว่าเป็นคนคนเดียวกัน คนเก่าก็อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ ส่วนคนปัจจุบันเราก็ถอยออกมา เพื่อสิ่งที่ดีที่สุดของเราในอนาคต? 

แพนเค้ก : ก็อย่างที่บอกดูเป็นการทำงานไป และอาจจะเพิ่มความชัดเจน ในการพูดคุยเยอะมากขึ้น  

คนเก่าที่มีปัญหากันขั้นตอนถึงไหนแล้ว? 

แพนเค้ก : ขออนุญาตบอกว่าอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการทางกฎหมาย ซึ่งพี่หมีจะเข้ามาดูในส่วนนี้  

ถามจริงโดนไปเท่าไหร่ เป็น 10 เลยไหม? 

แพนเค้ก : ไม่ถึง เกือบครึ่งทาง มันเยอะสำหรับคนทำงาน จริงๆแล้วเท่าไหร่มันก็เยอะ 

เตอร์ระหว่างแม่กับพี่แพนใครดุกว่ากัน? 

พัตเตอร์ : น่าจะเป็นพี่แพนนะ เขาไม่ได้ดุเสียงดังอะไรมาก แต่บอกว่า อันนี้ไม่ อันนี้โอเค 

แพนเค้ก : บางทีก็ชิลเกิน 

จริงๆครอบครัวนี้รักกันมาก แต่ทุกคนจะไม่ค่อยกล้ากับพี่แพน เพราะพี่มีรังสีความดุ ตอนนี้ยังเป็นแบบนั้นอยู่ไหม? 

พัตเตอร์ : ไม่แล้วครับ ทุกวันนี้ปกติเลย เรามีอะไรก็คุยกันได้ทุกเรื่อง เพราะเราโตขึ้นแล้ว แพนเค้ก : เด็กๆ ด้วยวัย แพนห่างกับเตอร์ 3 ปี ห่างกับน้องมิกิคนเล็ก 8 ปี เรารู้สึกมันมีช่วงวัยที่ห่างกัน ความชอบก็ไม่เหมือนกัน แล้วแม่ก็เหมือนกับเลี้ยงให้ลูกไม่ต้องยุ่งยากที่จะอยู่กับน้อง ถ้าเกิดน้องซนมากก็จะแยก ช่วยกันดูแลไป แต่พอเราโตขึ้นเราไม่มีเรื่องต้องคุยกันมากเท่าไหร่ แล้วเราเป็นคนนิ่งๆ มองน้องด้วยสายตาอย่างเดียว ไม่เล่น ฉันไม่สน น้องจะบอกเป็นน้ำแข็งมาก 

แพนรู้สึกยังไง เมื่อเราได้ยินเสียงสะท้อนว่าเราเป็นคนดุ จนทุกคนกลัว? 

แพนเค้ก : เด็กๆ ไม่รู้สึก แพนโอเค แต่พอโตขึ้นมา ในช่วงวัยอะไรแบบนี้ เราอยากรู้สึกดีต่อกัน อยากใช้เวลาด้วยกัน อยากพูดคุยกันได้ อยากให้น้องรู้สึกโอเคที่จะอยู่กับเรา 

เห็นว่ามีอยู่ช่วงนึงที่คุยกันคนละภาษา? 

พัตเตอร์ : น่าจะมีอยู่ช่วงนึงที่เราทะเลาะกัน น่าจะเป็นเดือน เดินผ่านกันเป็นอากาศเลย แต่จำรายละเอียด ดีเทลไม่ได้ว่าเราทะเลาะกันเรื่องอะไร แพนเค้ก : หรือพูดอะไรแล้วไม่ฟัง หรือมีเรื่องอะไรไม่รู้กับเพื่อน แล้วไม่เข้าใจ เหมือนกับช่วงวัยรุ่นแล้วสติไม่อยู่ พูดอะไรก็ไม่ฟัง เราเลยรู้สึกว่าถ้าพูดไม่เข้าใจ ไม่อยากพูดด้วยดีกว่า 

หงุดหงิดยังไง เห็นว่าเอาน้ำอัดลมสาดเลย? 

พัตเตอร์ : อันนั้นช่วงเด็กเลย เตอร์ทำพี่แพน ตอนแรกเราสอดกระดาษไป 10-20 แผ่นเลย ไปใต้ประตูเขา เราก็ใส่น้ำสไปรท์ น้ำโค้ก เทเข้าไป แค่อยากให้เขาออกมา แกล้ง 

เห็นบอกว่าตอนพัตเตอร์เข้าวงการ ไม่อยากให้ใครรู้ว่าแพนเค้กเป็นพี่สาวเรา? 

พัตเตอร์ : คือไม่ชอบเลยคนเรียกน้องแพนเค้ก ทุกวันนี้ภูมิใจกับพี่เรา 

ทำไมก่อนหน้านี้รู้สึกแย่กับพี่เรา? 

พัตเตอร์ : เรารู้สึกว่า เราเข้ามา มีชื่อด้วยตัวเอง ไม่อยากให้มีชื่อใครมานำ ณ ตอนนู้นนะ นานแล้ว แต่ทุกวันนี้ไม่มีความคิดแบบนั้นเลย แม้แต่นิดเดียว 

แล้วที่บอกว่า ถ้าต้องยืนข้างพี่แพนในสื่อ จะรู้สึกไม่มั่นใจ? 

พัตเตอร์ : เตี้ยมากเลยเวลายืนด้วยกัน แต่ทุกวันนี้โอเค ได้หมด 

น้องแพนรู้สึกยังไง ที่น้องรู้สึกแบบนี้? 

แพนเค้ก : ในช่วงนั้นเราไม่ได้พูดกับเขาโดยตรง บางทีที่เราสัมภาษณ์ เราไม่อยากให้ใครมาเปรียบเทียบ แพนเชื่อว่าไม่ใช่แค่บ้านเรา หลายๆ คนก็ต้องมีแบบนี้เหมือนกัน โดยส่วนตัวเราดูภายนอกเหมือนทำอะไรได้หลายอย่าง ทำได้ไปหมด ทุกอย่าง แต่จริงๆ ไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป ซึ่งคราวนี้น้องๆ ไม่ได้โตมาแบบเรา หรือทำงานแต่เด็กเหมือนเรา บางทีเขาจะมีความเป็นเขาอยู่ ที่ไม่ใช่เรา โอเค พร้อม ทำงานได้เลย หลังๆ เราไม่อยากให้เราเปรียบเทียบเรากับน้อง ไม่อยากให้น้องรู้สึกไม่ดีที่ยืนข้างๆ เรา อาจจะรู้สึกอึดอัดที่ทำได้ไม่เหมือนพี่เลย ไม่อยากยืนข้างพี่แพนแล้ว มันกดดัน เราคิดว่าเราเองก็ต้องโตขึ้น พยายามจะปรับหลายๆ อย่าง ถอยตัวเองลงมา ไม่ต้องเก่งไปหมดทุกอย่าง บางทีไม่ต้องเป๊ะไปหมด พลาดบ้างก็ได้ ผ่อนลงมา เพื่อให้น้องได้ทำหน้าที่ของเขา 

ถึงจะมีครอบครัวแล้ว พี่แพนก็ยังโทรตาม? 

พัตเตอร์ : บ้านนี้เขาทำงานกันเป็นทีม 

แพนเค้ก : ก็โทรไปถามว่าอยู่กับใคร ขอคุยด้วยหน่อย 

เตอร์รู้สึกยังไง เหมือนมีกล้องวงจรปิดอยู่รอบตัว? 

พัตเตอร์ : เข้าใจครับ เขาเป็นห่วง 

จุดเปลี่ยนเรื่องช่องว่างที่ใช้เวลาในการปรับจูนคืออะไร? 

พัตเตอร์ : กีฬา ทำบุญ ที่ทำให้เราใกล้ชิดกันมากขึ้น 

คุณพ่อเป็นยังไงบ้าง เห็นบอกว่าไม่สบาย? 

แพนเค้ก : มีเรื่องกระดูกสันหลัง ที่มันต่อเนื่องมาจากการออกกำลังกาย คุณพ่อเล่นกอล์ฟ คุณพ่อเป็นคนเริ่มต้นที่ทำให้พวกเรารักในกีฬากอล์ฟ แต่ในวันที่ทุกคนกำลังสนุกสนาน คุณพ่อก็บาดเจ็บ คือต้องหยุดพักในการตี 

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama 

คลิปสัมภาษณ์ https://youtu.be/-wrltsOSLNg?si=J88bJlWSXudezIpP