แพทย์ลั่น ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ ไม่ควรถูกกฎหมาย ชี้คนสูบพบไซยาไนด์ในปัสสาวะสูง นอกจากนี้ยังทำให้เสี่ยงมะเร็ง ทำให้เสี่ยงตาบอดเพิ่ม 2 เท่า

8 พ.ค. 2566 – สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย จัดเวทีเสวนาวิชาการ “บุหรี่ไฟฟ้ากับคนรุ่นใหม่” หัวข้อ “รู้ไหมว่าบุหรี่ไฟฟ้าอันตราย” เนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลก โดย รศ.พญ.เริงฤดี ปธานวนิช อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ม.มหิดล กล่าวในเสวนาวิชาการ

รศ.พญ.เริงฤดี กล่าวว่า บุหรี่ไฟฟ้าอันตราย จริง ๆ ก็คือบุหรี่ แต่ผู้ผลิตเปลี่ยนโฉมแต่งให้เข้ากับยุคสมัย ในบุหรี่ไฟฟ้ามีสารพิษที่มีอันตราายต่อสุขภาพจำนวนมากเป็นพันชนิด มีสารก่อมะเร็ง สารเคมี โลหะหนักต่าง ๆ จำนวนมาก ผู้ป่วยจำนวนมากที่รับผลกระทบจากบุหรี่ไฟฟ้าในเวลาสั้น ๆ จนไปทำลายปอด ดังนั้นบุหรี่ไฟฟ้าไม่ควรถูกกฎหมาย

ในมุมมองด้านสุขภาพ อันตรายบุหรี่ไฟฟ้ามีทั้งต่อตัวผู้สูบเอง คนรอบข้าง และทำให้เด็กและเยาวชนเข้ามาเสพติดนิโคตินเพิ่มขึ้น ซึ่งมีนิโคตินมากกว่าบุหรี่มวน ฉะนั้นที่บอกว่าอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ ช่วยเลิกบุหรี่ได้ เป็นมายาคติที่บริษัทปั้นแต่งขึ้น

บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่งมีมา 10 กว่าปี แต่เรามีการแพทย์ทันสมัยทำให้พบอันตรายต่อระบบต่าง ๆ ทั้งปอด หัวใจ โดยกลไกจากนิโคตินและสารพิษที่จะเข้าไปสะสม ทำลายการสูบฉีดของหัวใจ เลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ แย่ลง

มีงานวิจัยว่าบุหรี่ไฟฟ้าเสี่ยงเกิดโรคหอบหืดและถุงลมโป่งพองเพิ่มขึ้น 2 เท่า ทำลายเซลล์หลอดเลือดแดง 58% เสี่ยงเกิดหัวใจวายเฉียบพลัน 2 เท่า และน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ เกิดโอกาสเสียชีวิตเฉียบพลันได้ นิโคตินทำลายสมองวัยรุ่นที่ยังโตไม่เต็มที่ รวมถึงมะเร็งในคนจากบุหรี่ไฟฟ้ายังไม่เห็น แต่เอาหนูไปทดลอง รับไอบุหรี่ไฟฟ้า 1 ปี 1 ใน 4 หนูทดลองเป็นมะเร็งปอด ในคนจึงต้องติดตามต่อไปยาวกว่านี้ บุหรี่ไฟฟ้าทำลาย DNA ไม่ต่างจากบุหรี่มวน ทำให้เสี่ยงมะเร็ง ทำให้เสี่ยงตาบอดเพิ่ม 2 เท่า

“ล่าสุดพบว่า ปัสสาวะคนสูบบุหรี่ไฟฟ้าไปตรวจพบสารไซยาไนด์ เมื่อเทียบกับคนไม่สูบ ระดับไซยาไนด์ในปัสสาวะอยู่ที่ 115.5 แต่คนสูบบุหรี่มวนพบ 343.2 และบุหรี่ไฟฟ้าพบสูงถึง 439.7 ng/mg คือมีสารพวกนี้ในบุหรี่ไฟฟ้า คนไม่สูบคิดว่ากลิ่นไม่เหม็น อยู่ใกล้ไม่อันตราย เพราะการสูบบุหรี่ไฟฟ้าก่อให้เกิดฝุ่นพิษ มลภาวะ ฝุ่น PM 2.5 ที่คนกลัวบุหรี่ไฟฟ้าก่อให้เกิดฝุ่น PM 2.5 สูงกว่าค่าปกติ 45 เท่า และยังมี PM 1.0 อีกที่มีปริมาณสูง คนรับควันบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้สูบ แต่รับจากคนอื่น เสี่ยงหลอดลมอักเสบเพิ่ม 3 เท่า”