กรมการแพทย์ โดยสถาบันโรคผิวหนัง ชี้ผลข้างเคียงจากการฉีดสารแปลกปลอมเข้าสู่ผิวหนัง เนื่องจากปัจจุบันได้มีความนิยมในการฉีดสารเติมเต็ม หรือสารแปลกปลอมเข้าสู่ผิวหนังเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งอาจเกิดอันตรายได้หากใช้ผิดวัตถุประสงค์
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันได้มีความนิยมในการฉีดสารเติมเต็ม หรือสารแปลกปลอมเข้าสู่ผิวหนังเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เพื่อเสริมความงาม โดยที่สารแปลกปลอมนั้นอาจเป็นสารที่ได้รับอนุญาตให้ใช้สำหรับ “ทา” ที่ผิวหนังชั้นบน แต่นำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ด้วยการนำไปฉีดเข้าผิวหนัง หรือสารที่ใช้สำหรับ “ฉีดเข้าหลอดเลือด” โดยตรง ส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงต่างๆ ตามมา ดังนี้
อันตรายจากการฉีด “สารแปลกปลอม” เข้าสู่ผิวหนัง
- เกิดการติดเชื้อที่ผิวหนัง มีอาการผิวหนังบวม แดง กดเจ็บที่ผิวหนัง หรือเป็นหนอง อาจเกิดขึ้นทันทีภายในไม่กี่สัปดาห์หลังการฉีด หรืออาจเกิดขึ้นได้ในระยะยาว
- เกิดก้อนที่ใต้ชั้นผิวหนัง ที่เรียกว่า กรานูโลม่า (Granuloma) มีอาการบวมเป็นก้อน อาจมีหรือไม่มีการอักเสบร่วมด้วยก็ได้
- เกิดภาวะตีบตันของเส้นเลือด อาจมีอาการปวดหรือชา ที่บริเวณที่ได้รับการฉีด หรือบริเวณใกล้เคียง
- บริเวณที่รับการฉีดมีสีผิดปกติ อาจม่วงช้ำ หรือขาวซีด
- มีอาการแสบ แห้ง แดงที่ผิวหนังมากกว่าปกติ ที่บริเวณที่รับการรักษา
วิธีเช็กสถานพยาบาล ก่อนเข้าใช้บริการ
แพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้บริโภคควรตรวจสอบก่อนที่จะทำการฉีด ดังนี้
- ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่ใช้ฉีดว่าผ่านการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง หรือไม่
- ตรวจสอบแพทย์ผู้ที่จะทำการรักษา ว่าเป็นแพทย์ที่ได้รับใบอนุญาต หรือไม่
- ตรวจสอบสถานพยาบาลที่จะเข้ารับการฉีดรักษา ว่าเป็นสถานพยาบาลที่ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
- ตรวจสอบอุปกรณ์ที่ใช้ในการฉีดว่าเป็นของใหม่ เปลี่ยนทุกครั้งก่อนการรักษาในผู้ป่วยทุกรายหรือไม่
หากมีภาวะแทรกซ้อนหรือผลข้างเคียงเกิดขึ้น ผู้บริโภคควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำการรักษาอย่างทันท่วงที
การดูแลผิวพรรณที่ถูกวิธี แนะนำให้ใช้ครีมกันแดด หลบแดด และรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณที่เหมาะสม หากต้องการปรึกษาเรื่องผิวพรรณ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง