แบบนี้ก็ได้หรอ! สาวสองสุดทุกข์ใจ ถูกจับค้าประเวณี ใช้หนี้แทนเพื่อนรัก

Home » แบบนี้ก็ได้หรอ! สาวสองสุดทุกข์ใจ ถูกจับค้าประเวณี ใช้หนี้แทนเพื่อนรัก

รับงานเอนใช้หนี้

นรกบนดิน! สาวสอง เซ็นค้ำเงินกู้นอกระบบให้เพื่อน 3 หมื่นบาท สุดท้ายเพื่อนหนี ตนเองต้องค้าประเวณี ใช้หนี้ แถมถูกทำร้าย

จากการณี นางสาวเอ นามสมมุติ อายุ 22 ปี อาชีพสาวพีอาร์ (เด็กเอนเตอร์เทน) ได้โพสต์คลิปลงบนโลกโซเซียล เป็นสาวประเภทสอง รูปร่างใหญ่ พร้อมกับพวกรุมทำร้าย บริเวณหน้าหอพักแห่งหนึ่ง ภายในซอยพัทยาพัทยาใต้ หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยกล้องวงจรปิดใกล้ข้างหอพัก รวมถึงผู้พักอาศัยที่อยู่ภายในห้องเช่าห้อง แอบถ่ายคลิปขณะเกิดเหตุไว้ได้ เหตุเกิดเวลา 23.35 น. ของวันที่ 22 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา

ล่าสุด เวลา 14.00 น. วันที่ 25 มิถุนายน 2567 นางสาวเอ ผู้เสียหายรายนี้ยังอยู่ในอาการหวาดกลัว และ หวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา โดยเธอเปิดใจว่า ก่อนหน้านี้เพื่อนของตนได้ไปกู้เงินนอกระบบ โดยเธอเป็นคนเซ็นค้ำประกัน เป็นเงินจำนวน 30,000 บาท เมื่อช่วงประมาณต้นปี ต่อมาเพื่อนของเธอได้หนีไปต่างประเทศ ทำให้เจ้าหนี้ต้องตามมาทวงหนี้กับตน เนื่องจากเป็นผู้ค้ำประกันไว้ จนกระทั่งประมาณ

ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ได้มี นายเก๋ หรือ เมซิ อายุ 21 ปี เป็นสาว LGBTQ ได้อ้างว่า ได้รับว่าจ้างจากเจ้าหนี้ หรือ เจ้าของเงินกู้นอกระบบ ให้มาจับตัวตนไปขังไว้ที่ ร้านสัก แห่งหนึ่งในซอยรุ้งแลนด์ พัทยาใต้ จากนั้นยึดโทรศัพท์มือถือ พร้อมกับบัตรประชาชนไว้ โดยขู่บังคับว่า “อยากได้โทรศัพท์มือถือและบัตรประชาชนคืน จะต้องทำงานใช้หนี้ ซึ่งงานที่ว่าคือ ขายบริการทางเพศ” ตอนนั้นยอมรับว่ากลัวมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะหาเงินที่ไหนมาคืนเจ้าหนี้ จึงตัดสินใจยอมทำตาม ที่นายเก๋ บอกคือการขายบริการทางเพศ โดย นายเก๋ จะเป็นคนหาลูกค้าให้

1
  • ตั้งรางวัล 5 พัน! ช่วยตามหา ‘บัวขาว’ สุนัขที่หายจากไร่ริมรวี
  • นักเรียนม.3 สุดช้ำ! ถูกครูล่วงละเมิดทางเพศ – ทำร้ายร่างกาย นานกว่า 2 ปี
  • ชาวเน็ตงง! เจอหลวงพ่อ นั่งขายอุปกรณ์ไฟฟ้า ที่แท้แค่นั่งเลือกสายชาร์ทเฉย ๆ

ซึ่งใช้เวลาไม่ถึง 4 วัน ตนเองก็ใช้หนี้ทั้งหมด จำนวน 30,000 บาท ได้สำเร็จ แต่นายเก๋ไม่ยอม ขอเงินค่าติดตามทวงหนี้ เพิ่มอีก 5,000 บาท ด้วยความที่ไม่อยากมีปัญหา และอยากได้อิสรภาพ รวมถึงอยากได้โทรศัพท์มือถือ และบัตรประชาชนคืน ตนจึงยอมให้เงินเพิ่มไปอีก 5,000 บาท

หลังจ่ายเงินครบตามจำนวน ปรากฏว่านายเก๋ บอกว่า ได้รับการติดต่อจากเจ้าหนี้ที่ตนเองกับแฟนเก่าไปสร้างหนี้ไว้ เป็นจำนวน 90,000 บาท เมื่อนานมาแล้ว ตอนแรกที่ได้ยิน รู้สึกตกใจมาก โดยไม่คิดว่า นายเก๋ จะไปเอาข้อมูลนี้มาจากไหน แต่คิดว่าน่าจะดูในโทรศัพท์มือถือของตนเอง ตอนที่ถูกยึดไว้ ซึ่งนายเก๋ ก็บังคับด้วยวิธีเดิม คือให้ตนขายบริการทางเพศอีกครั้ง ซึ่งตนเองก็ยอมทำงาน ใช้หนี้เป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือน ยอมลำบากยอมเจ็บตัว ต้องขึ้นกับลูกค้า วันละ 10 รอบ คิดเป็นเงินครั้งละ 2,000 ถึง 3,000 บาท ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนชาวอเมริกา อินเดีย จีน และ เกาหลี โดยติดต่อ ผ่านแอพพลิเคชั่น ส่วนเงินที่ได้จากการขายบริการ ตนไม่เคยได้ใช้แม่แต่บาทเดียว เพราะนายเก๋ เป็นคนเก็บไปหมด จะได้ใช้เฉพาะเงินทิปจากลูกค้า จนเวลาผ่านไป 1 เดือน และทำงานใช้หนี้จนครบจำนวน ตนเองจึงตัดสินใจหนีออกมา เมื่อช่วงประมาณ วันที่ 20 มิถุนายน ที่ผ่านมา แล้วมาอาศัยอยู่ที่ห้องพักดังกล่าว

ต่อมา คืนวันที่ 22 มิถุนายน 2567 นายเก๋ หรือ เมซิ สืบจนรู้ว่า ตนเองแอบมาพักที่ห้องพักดังกล่าว ก็ยกพวก ตามมารังควานตนเองสารพัด ทั้งมาเคาะประตู แอบย่องทางด้านหลังตึก พยายามกดดันให้ตนออกมาคุย โดยอ้างกับ รปภ. ของหอพักว่า ตนเองมีหมายจับ 5 ใบ จนทาง รปภ. ไม่กล้ายุ่งเกี่ยว แต่สุดท้ายพี่ รปภ. เห็นความผิดปกติหลายอย่าง จึงโทรตามตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองพัทยามาตรวจสอบ พอตำรวจมาถึง ตนจึงยอมออกจากห้อง ออกมานั่งคุยกับ นายเก๋ โดยมีการพูดคุยเจรจากันอยู่นาน สุดท้ายนายเก๋จึงยอมคืนโทรศัพท์มือถือให้กับตนเอง แล้วก็ขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป

ตำรวจสายตรวจแนะนำให้ตนเองไปแจ้งความ แต่หลังจากที่ตำรวจออกไปไม่ถึง 10 นาที กลุ่มนายเก๋ ได้กลับมาที่หอพักอีกครั้ง พร้อมกับทำร้าย ทั้งตบทั้งตี กระชากผม กระทืบซ้ำ และพยายามจะฉุดกระชากขึ้นรถเก๋ง แต่ตนไม่ยอม ก่อนที่กลุ่มนายเก๋ จะหลบหนีไป ตนเองจึงนำหลักฐานกล้องวงจรปิด เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองพัทยา เมื่อช่วงเวลาเที่ยงคืน เข้าวันที่ 23 มิถุนายน 2567

ขณะเดียวกันตนรู้สึกแย่มาก หลังจากได้โทรศัพท์คืนมา ได้โทรศัพท์ไปถามเจ้าหนี้ตัวจริง ซึ่งเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบรายแรก จำนวนเงิน 30,000 บาท โดยยอดนี้เจ้าของเงินได้รับเงินคืนครบ แต่ส่วนอีกคน ยอดเงิน 90,000 บาท ปรากฏว่า เจ้าหนี้ยืนยันว่าไม่เคยได้รับเงินในส่วนนี้คืนแม้แต่บาทเดียว ตนจึงนำคลิปมาขอความช่วยเหลือ พร้อมทั้งอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการกับ นายเก๋ กระเทยรายนี้พร้อมกับพวกให้ถึงที่สุด และขอเงินจำนวนดังกล่าวที่ตนเอง ยอมทำงานมา นำไปคืนเจ้าหนี้ตัวจริง

ขณะเดียวกันตนเองต้องอยู่หวาดระแวง เพราะหลังจากที่หนีออกมา กลุ่มคู่กรณีก็พยายามส่งข้อความมาข่มขู่ รวมถึงอ้างว่า รู้จักตำรวจยศใหญ่ และบอกว่าถึงแม้ตนเองจะแจ้งความก็ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ อีกทั้งจะตามมาตบซ้ำ จึงอยากให้ตำรวจช่วยเร่งรัดทำคดีในเรื่องนี้ด้วย

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ