แบงก์ ธิติ ลูกกตัญญู หาเงินหลักล้าน ช่วยใช้หนี้ครอบครัว รับท้อจนร้องไห้

Home » แบงก์ ธิติ ลูกกตัญญู หาเงินหลักล้าน ช่วยใช้หนี้ครอบครัว รับท้อจนร้องไห้


แบงก์ ธิติ ลูกกตัญญู หาเงินหลักล้าน ช่วยใช้หนี้ครอบครัว รับท้อจนร้องไห้

ลูกกตัญญู แบงค์ ธิติ หาเงินหลักล้าน ช่วยแบ่งเบาภาระหนี้สินธุรกิจโรงแรม รับท้อจนร้องไห้ ผ่านจุดเห็นพ่อแม่ลำบาก

เรียกว่าเป็นลูกยอดกตัญญู หาเงินใช้หนี้ให้กับครอบครัว สำหรับพระเอกหนุ่ม แบงค์ ธิติ มหาโยธารักษ์ ได้ออกมาเปิดใจผ่านจุดที่เห็นครอบครัวเครียดเรื่องหนี้สิน หาเงินหลักล้านซัพพอร์ตช่วยธุรกิจโรงแรมทางบ้าน

ล่าสุดวันที่ 24 มี.ค.66 แบงค์ ธิติ ได้ออกมาเปิดใจในงาน BrandThink มัลติ-แพลตฟอร์มคอนเทนต์ออนไลน์ แถลงข่าวแนะนำบริษัทผ่าน 5 Business Unit เปิดตัว 3 โปรเจ็กต์ ซีรีส์ “Coin Digger เกมสูญเหรียญ” , ภาพยนตร์ “RED LIFE รักละเลย” และ ภาพยนตร์สารคดี “5th Round ไฟต์ไฝว้ฝัน” ที่ ชั้น 4 สยามดิสคัฟเวอรี่

เดี๋ยวนี้เป็นทั้งนักแสดง ยูทูบเบอร์ และนักธุรกิจ? “ฝากงานก่อนเลยแล้วกัน BrandThink มีการเปิดตัว BrandThink Cinema จะมีผมอยู่ใน 2 โปรเจ็กต์ด้วยกัน ซีรีส์ “Coin Digger เกมสูญเหรียญ” เล่นกับ กัปตัน ชลธร โปรเจ็กต์ที่ 2 ภาพยนตร์ “RED LIFE รักละเลย” ฝากทุกคนไปติดตาม แล้วก็ฝากร้านกาแฟด้วยครับ กำลังจะเปิดเร็วๆ นี้ ชื่อร้านว่า รีฟีล คอฟฟี่ครับ เป็นร้านที่ผมทำมานานมาก”

พิมฐา ชอบถ่ายรูปในร้านคาเฟ่ ได้แนะนำอะไรไหม? “ก็มีแนะนำ คือผมจะขอคำแนะนำในเรื่องของการถ่ายรูป คือผมอยากจะให้ร้านกาแฟของผมมันไม่เป็นผู้ชายจนเกินไป อยากให้ผู้หญิงเข้ามาก็สบายใจ ก็จะขอคำปรึกษาในเรื่องของเฟอร์นิเจอร์ การเลือกแก้ว กระจก กับพิมครับ”

ลงทุนไปกี่หลัก? “ลงทุนไป 10 ล้านครับ”

ได้ยินว่าบ้านเราเคยเป็นหนี้มาก่อน อะไรทำให้เรากล้าลงทุน? “จริงๆ ตอนนี้ก็ยังเป็นหนี้อยู่นะครับ คือเรารู้สึกว่ามีการคำนวณในด้านการลงทุนครั้งนี้แล้วว่าการที่เราเอาเงินตรงนี้มาลงมันกระทบมากน้อยแค่ไหน พอเรารู้สึกว่ามันไม่ได้ส่งผลกระทบที่มันรุนแรงที่จะทำให้ครอบครัวเราล้มละลาย เลยรู้สึกว่าถ้าเกิดมีเงินก้อนนึงที่สามารถเอามาทำได้ เราก็อยากทำในสิ่งที่เราชอบจริงๆ ครับ”

มั่นใจว่าจะสามารถทำกำไรกลับมาได้? “อันนี้ทำกำไรกลับมาได้หรือเปล่าไม่รู้ แต่เราได้ทำร้านอย่างเต็มที่ในแบบที่เราต้องการที่จะสื่อออกไปให้กับลูกค้าที่จะได้เข้ามา”

มันหนักเกินไปไหมที่เราหาเงินหลักล้านมาใช้หนี้ช่วยครอบครัวทุกๆ เดือน? “ถามว่าหนักเกินไปมั้ย มันก็มีช่วงที่หนักบ้าง มีช่วงที่เบาบ้างครับ เราต้องอย่าลืมว่าเงินทั้งหมดที่ผมเติบโตมาเป็นคนได้ถึงทุกวันนี้ก็มีเงินมาจากครอบครัว กับสิ่งที่มันเป็นภาระอยู่ตอนนี้ แต่สิ่งนี้มันเคยทำให้ผมได้มีการศึกษาที่ดี เคยทำให้ผมมายืนอยู่จุดนี้ได้ สิ่งพวกนี้มันเคยเลี้ยงเรามาก่อน แล้วพอเราโตมาเรียนจบ เราก็สามารถหาเงินด้วยตัวเองได้ ก็รู้สึกว่าอยากกลับไปช่วยครอบครัวของเราให้เขาได้สบายขึ้น ให้พ่อแม่ได้รีไทร์ออกจากงาน ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ แล้วเราก็เข้าไปเทกโอเวอร์ธุรกิจทั้งหมดมาเป็นของเรา เพราะสิ่งหนึ่งที่เราอยากให้เขาพักผ่อนเราอยากให้เขาไปเที่ยวแหละ แต่จะทำสิ่งนั้นได้เราต้องปลดหนี้ก่อน”

เครียด กดดัน ร้องไห้บ่อยไหม? “ความเครียดความกดดัน มีเยอะครับ คือผมรู้สึกว่าสิ่งนี้มันเป็นสิ่งที่มีได้ในทุกคน ผมก็ไม่ได้บอกว่าผมเป็นคนที่แข็งแกร่ง สู้กับโลกใบนี้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ความเครียด ความกดดันมีอยู่แล้ว ไม่ว่าด้านการแสดง ด้านธุรกิจที่บ้าน แต่เราเลือกที่จะรับผิดชอบมันแล้ว เราเสียใจกับมันได้ เราท้อกับมันได้ แต่เราแค่สู้กับมันให้เต็มที่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ”

แสดงว่าเราผ่านจุดที่เห็นครอบครัวเครียดเรื่องหนี้? “ใช่ครับ เคยเห็นภาพพวกนั้นเกิดขึ้นมาแล้วครับ (ตอนนั้นรู้สึกยังไง?) ตอนนั้นเรายังเด็ก ยังคิดไรไม่ค่อยได้ แต่พอเราโตขึ้นมาแล้วเราย้อนความกลับไป เราก็รู้สึกว่าพ่อแม่เขาทำงานมาเหนื่อยจริง ถามว่าเราทำงานได้ครึ่งหนึ่งของเขาหรือยัง ก็อาจจะได้แล้ว หรือไม่ได้ก็ไม่รู้ แต่เรารู้สึกว่าเราสามารถหาเงินได้จำนวนหนึ่ง เราก็อยากเอากลับไปช่วยครอบครัว อยากจะทำให้ธุรกิจโรงแรมหรืออสังหาริมทรัพย์ของเราที่บ้านมันสามารถไปรอดได้ เพื่อที่ในอนาคตเราจะสามารถทำกำไรกลับมาได้จริงๆ”

คิดว่าเราโตเกินไวไหมกับหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ? “โตเกินวัยมั้ย สำหรับผมคิดว่าไม่นะ เพราะง่ามีคนที่อายุน้อยกว่าผมก็สามารถทำเงินมากกว่าผมได้เยอะแยะมากมายเลยครับ”

พ่อแม่ภูมิใจไหมเป็นลูกยอดกตัญญู? “ก็น่าจะภูมิใจมั้งครับ เหมือนเราก็มีการคุยกับในครอบครัวว่าอันไหนมันหนักไป เลาไป เราก็ช่วยแก้ไขไปเรื่อยๆ”

เราเป็นลูกชายคนเดียว? “ใช่ครับ”

ตอนนี้วางแพลนไว้ยังไงกับอนาคต จากสถานการณ์ที่มันพลิกแพลงกลับมาดีขึ้น? “ถามว่าสถานการณ์มันกลับมาพลิกแพลงดีขึ้นมั้ย มันก็ยังใช้ชีวิตเป็นปกติได้อยู่นะครับ คือผมว่าสถานการณ์ตอนนี้มันอาจจะดีขึ้นมานิดนึง เพราะเราก็ยังมีโอกาสได้ออกไปเที่ยว ได้พาพ่อแม่ไปทำอย่างอื่นนอกจากการทำงานบ้าง”

เรียกว่าเป็นแรงผลักดันให้เราเข้าสู่วงการบันเทิง? “อันนี้ไม่ได้เป็นแรงผลักดันให้เราเข้าสู่วงการครับ เพราะตอนที่เราเข้าสู่วงการเรายังไม่ได้รับรู้เรื่องหนี้สินของทางบ้านเลย ซึ่งการการที่เราเข้าวงการมาตอนแรกมันเป็นความชอบของเราต่างหากในตอนแรกที่เราหาโอกาสโดยการไปสมัครออดิชั่นด้วยตัวเอง แล้วเข้ามาอยู่ในวงการนี้ได้ครับ แต่ว่าแรงผลักดันของเราในตอนนี้คือการที่เราหาวิธีไหนก็ได้ที่จะมาซัพพอร์ตครอบครัวหรือว่าทำให้หนี้สินที่มันมีอยู่มันลดน้อยลงเรื่อยๆ แล้วก็สามารถปลดหนี้ได้ เพื่อที่เราจะสามารถทำกำไรกับมันได้จริงครับ”

เราเป็นเหมือนความหวังของครอบครัว ความหวังของหมู่บ้าน? “ก็อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ครับ แต่ว่าผมไม่ได้ทำงานอยู่คนเดียวไงในครอบครัว พ่อแม่ก็ไม่ได้นั่งรอเงินผมอย่างเดียว เขาก็มีงานของเขาที่ต้องรับผิดชอบเหมือนกัน ”

แฮปปี้กับชีวิตกับการเป็นยูทูบเบอร์ในตอนนี้? “ถามว่าแฮปปี้มั้ยกับการเป็นยูทูบเบอร์ก็สนุกดีครับ มันได้เป็นตัวเองดี ได้ทำทุกอย่างที่เราอยากจะทำ คือเมื่อก่อนคนจะเห็นเราในแต่ละบทบาท แต่ตอนนี้เราสามารถเป็นตัวเองได้เต็มที่ เราก็ได้พาทุกคนไปท่องเที่ยวกับพวกเรา หรือได้ทำคอนเทนต์ที่มันตลกๆ สนุกๆ ซึ่งผมก็สนุกกับมันดีครับ บางอันก็อาจจะมีสาระ บางอันก็อาจจะไม่มีสาระครับ ก็ฝากช่อง ThitiThani Channel”

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ