องค์การนาซ่าพยายามคิดค้นเมนูหลากหลายเพื่อเอาใจเหล่านักบินอวกาศ ที่จะเป็นตัวแทนของมวลมนุษยชาติในการทำภารกิจสำคัญในสภาวะไร้น้ำหนักได้ โดยไม่ไร้รสชาติ
ในภาพยนตร์ Sci-Fi ปี 2015 เรื่อง “The Martian” ซึ่งมี แมตต์ เดมอน (Matt Damon) รับบทเป็นนักบินอวกาศที่รอดชีวิตจากการกินมันฝรั่งที่ปลูกในอวกาศระหว่างที่เขาถูกทิ้งไว้บนดาวอังคาร
ปัจจุบัน บริษัทแห่งหนึ่งในมหานครนิวยอร์กที่ผลิตเชื้อเพลิงการบินที่ปล่อยคาร์บอนเป็นลบ กำลังเปลี่ยน แปลงเมนูอาหารสำหรับการเดินทางไปในห้วงอวกาศไปในรูปแบบที่ต่างไปจากเดิมมาก
นวัตกรรมของบริษัทนี้ได้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายของการประกวด Deep Space Food Challenge ที่องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือนาซ่าให้การสนับสนุน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีแห่งอนาคตเพื่อตอบสนองความต้องการด้านอาหารของนักบินอวกาศ
บริษัท Air Company จากบรู๊คลินได้บุกเบิกวิธีการรีไซเคิลก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่นักบินอวกาศหายใจออกมาขณะที่บินอยู่ เพื่อเพาะเลี้ยงสารอาหารจากยีสต์สำหรับโปรตีนเชค ซึ่งออกแบบมาเพื่อบำรุงลูกเรือในขณะปฏิบัติภารกิจในห้วงอวกาศที่มีระยะเวลายาวนาน
สแตฟฟอร์ด ชีฮาน (Stafford Sheehan) ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทและหน้าฝ่ายเทคโนโลยียืนยันว่า เมนูนี้มีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่า Tang เครื่องดื่มชนิดผงซึ่งเป็นที่นิยมในปี 1962 หลังจากจอห์น เกล็น (John Glenn) ชาวคนอเมริกันคนแรกที่โคจรรอบโลกได้ดื่มในภารกิจดังกล่าวอย่างแน่นอน
ชีฮาน ซึ่งจบปริญญาเอกด้านเคมีเชิงฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยเยล กล่าวว่า เดิมทีเขาเคยพัฒนาเทคโนโลยีการแปลงคาร์บอนเพื่อผลิตแอลกอฮอล์ที่มีความบริสุทธิ์สูงสำหรับเชื้อเพลิงอากาศยาน น้ำหอม และวอดก้า แต่โครงการ Deep Space Food Challenge ที่ได้รับการสนับสนุนโดยนาซ่า กระตุ้นให้เขาดัดแปลงสิ่งประดิษฐ์ของเขาเพื่อการผลิตโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมันที่กินได้จากระบบเดียวกัน
ชีฮานกล่าวว่าเครื่องดื่มโปรตีนเซลล์เดียวที่เข้าร่วมการประกวดของนาซ่า มีลักษณะเดียวกันกับเวย์โปรตีนเชค ซึ่งเขาเปรียบเทียบรสชาติของมันกับเซตัน (Seitan) อาหารคล้ายเต้าหู้ที่ทำจากกลูเตนข้าวสาลี เป็นเมนูที่มีต้นกำเนิดมาจากเอเชียตะวันออก ซึ่งผู้รับประทานมังสวิรัตินำเซตันมาใช้แทนเนื้อสัตว์
นอกจากเครื่องดื่มโปรตีนแล้ว กระบวนการเดียวกันนี้ยังสามารถนำมาใช้เพื่อสร้างอาหารทดแทนขนมปัง พาสตา และแป้งตอร์ตียาที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง ได้อีกด้วย
บริษัทเทคโนโลยี AIRMADE เป็นหนึ่งในแปดผู้ชนะที่ในรอบที่สองของการแข่งขันการออกแบบเทคโนโลยีอาหารที่นาซ่าประกาศในเดือนพฤษภาคม พร้อมกับเงินรางวัล 750,000 ดอลลาร์ และการแข่งขันรอบสุดท้ายกำลังจะมีขึ้นเร็ว ๆ นี้ โดยเงินรางวัลสูงถึง 1.5 ล้านดอลลาร์จะถูกแบ่งให้กับผู้ชนะรอบสุดท้ายของการแข่งขัน
ส่วนผู้ชนะรายอื่น ๆ ได้แก่ ระบบไบโอรีเจนเนอเรทีฟจากห้องทดลองในฟลอริดา เพื่อเลี้ยงผักสด เห็ด และแม้แต่ตัวอ่อนแมลงเพื่อใช้เป็นสารอาหารรอง กระบวนการสังเคราะห์แสงประดิษฐ์ที่พัฒนาขึ้นในแคลิฟอร์เนียเพื่อสร้างส่วนผสมจากพืชและเชื้อรา และเทคโนโลยีการหมักด้วยแก๊สจากประเทศฟินแลนด์เพื่อผลิตโปรตีนเซลล์เดียว
เทคโนโลยีอาหารเหล่านี้ ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่จากเครื่องดื่ม Tang และขนมขบเคี้ยวแห้งที่นักบินอวกาศบริโภคตอนเดินทางในอวกาศในระยะแรก ๆ
นอกจากนี้แผนการปลูกพืชเป็นอาหารแบบใหม่ยังน่ารับประทานมากขึ้น และจะมีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่ามันฝรั่งที่ใส่ปุ๋ยที่มาจากอุจจาระอย่างในภาพยนตร์เรื่อง “The Martian”
การที่นักบินอวกาศได้รับสารอาหารอย่างดีเป็นระยะเวลานาน ๆ ภายในขอบเขตจำกัดของยานอวกาศที่มีแรงโน้มถ่วงเป็นศูนย์ในวงโคจรต่ำของโลกเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับนาซ่า ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ลูกเรือบนสถานีอวกาศนานาชาติใช้ชีวิตอยู่กับการรับประทานอาหารสำเร็จรูปเสียส่วนใหญ่ โดยมีวัตถุดิบสดใหม่บางส่วนที่ถูกจัดส่งในภารกิจเติมเสบียงตามปกติ
ขณะเดียวกันทีมสถานีอวกาศนานาชาติยังได้ทดลองปลูกผักหลายชนิดในวงโคจร เช่น ผักกาดหอม กะหล่ำปลี คะน้า และพริก ตามข้อมูลจากนาซ่าอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ความจำเป็นสำหรับการผลิตอาหารแบบ self-contained ที่มีขยะปริมาณน้อย และใช้ทรัพยากรน้อยที่สุดนั้นมีความชัดเจนมากขึ้นเนื่องจากนาซ่าตั้งเป้าที่จะส่งนักบินอวกาศกลับสู่ดวงจันทร์ และการสำรวจดาวอังคารและห้วงอวกาศอื่น ๆ ในท้ายที่สุด