กลับมาพบกับพวกเราทีมงาน Sanook Hitech กับบทความรีวิวสินค้าใหม่อีกครั้ง และแน่นอนว่าของที่เรารีวิวถ้าไม่ใหม่และเพิ่งเปิดตัวเราไม่ทำ…
สำหรับบทความนี้เป็นคิวของสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดอย่างเจ้า Redmi 10 สมาร์ทโฟนราคากลาง ๆ ที่มาพร้อมกับสเปกที่จัดว่าหากคุณกำลังมองหาสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ไว้ใช้งาน Redmi 10 จะเป็นตัวเลือกที่ดีของคุณได้ในตลาด
เกริ่นกันมาพอสมควรแล้ว มาเริ่มแกะกล่องสำรวจ Redmi 10 กันเลยดีกว่าครับ ^^
รายละเอียดและสเปกคร่าว ๆ ของ Redmi 10
- Redmi 10 มาพร้อมหน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (2400×1080 พิกเซล) พร้อมอัตราการรีเฟรชสูงสุด 90Hz
- ขนาด: 162 x 75.5 x 8.9 มม.
- น้ำหนัก: 181 กรัม
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด Dual SIM (Nano SIM + Nano SIM หรือ Nano SIM + eSIM)
- ชิปเซ็ต MediaTek Helio G88 Octa Core ความเร็ว 2.0 GHz
- หน่วยความจำแรม (RAM): ขนาด 4 GB หรือ 6 GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM): ขนาด 64 GB หรือ 128 GB
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริม
- กล้องหน้ามาพร้อมความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และมีรูรับแสงขนาด f2.0
- กล้องหลัง ทั้งหมด 4 กล้องประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, f/1.8, (wide), PDAF
- กล้องตัวที่2 พร้อมความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, f/2.2, 120˚ (ultrawide)
- กล้องตัวที่3 พร้อมความละเอียด 2 ล้านพิกเซล, f/2.4, (macro)
- กล้องตัวที่4 พร้อมความละเอียด 2 ล้านพิกเซล, f/2.4 (depth)
- LED flash
- ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
- ระบบปลดล็อคด้วยใบหน้า (AI Face Unlock)
- ระบบปลดล็อคด้วยเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Side Mounted Fingerprint Sensor)
- พอร์ต: USB Type-C (USB 2.0)
- Android 11, MIUI 12.5
- แบตเตอรี่ : 5000mAh
- เทคโนโลยีชาร์จ Fast charging 18W (มีให้ในกล่องเป็นกำลัง 22.5W), Reverse charging 9W
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 11 พร้อมครอบทับด้วย MIUI 12.5
- ราคาเริ่มต้นที่ 4,999 บาท
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- ตัวเครื่อง Redmi 10
- เคสใส
- ฟิล์มกันรอย
- สายชาร์จ USB Type-C
- อแดปเตอร์ชาร์จกำลัง 22.5W
- คู่มือการใช้งาน
- เข็มถอดถาดซิมการ์ด
แกะกล่องสัมผัสแรกกับเรื่องของ Design – การออกแบบ
Redmi 10 ยกระดับรูปลักษณ์ของสมาร์ทโฟนใน Redmi ซีรีส์ด้วยดีไซน์ใหม่ที่ปราณีตและดูพรีเมียมยิ่งขึ้นด้วยการจัดเรียงกล้องในกรอบสีเงินอย่างมีสไตล์และสง่างาม และยังมีน้ำหนักเบาสามารถจัดได้ถนัดมือ อีกทั้งมันยังมีความบางเพียง 8.92 มม. และมีน้ำหนักเพียง 181 กรัมเท่านั้น
ส่วนหน้าจอแสดงผลมีขนาดมาพร้อมกับ Redmi 10 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ และยังมาพร้อมกับรีเฟรชเรทที่สูงถึง 90Hz ดังนั้นจึงเรียกได้ว่าทั้งสวยสู้แสงได้อย่างดี และยังมีความลื่นอีกด้วย ด้วยหน้าจอ FHD+ DotDisplay ที่มาพร้อมกับความละเอียดสูงถึง 1080p ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้อย่างสนุกและลื่นไหล
อีกทั้ง Redmi 10 ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ AdaptiveSync Display ซึ่งสามารถปรับอัตรารีเฟรชเรทให้เหมาะสมกับเนื้อหาของการใช้งานได้โดยอัตโนมัติ ช่วยลดพลังงานและยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ให้นานยิ่งขึ้น
กล้องหน้าสำหรับเซลฟี่นั้นมีความละเอียดอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซลและมีรูรับแสงขนาด f2.0 สำหรับกล้องเป็นแบบฝังอยู่ใต้หน้าจอกระจกครับ ถัดขึ้นไปบริเวณขอบหน้าจอด้านบนจะมีการติดตั้งลำโพงสำหรับสนทนาและ Sensor ต่างๆ
ส่วนของหน้าจอด้านล่าง เป็นเหมือนกับสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ทั่วๆ ไปครับ โดยประกอบไปด้วยปุ่มกดแบบ On-Screen ประกอบด้วย ปุ่ม Recent App, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ ส่วนนี้คุณสามารถเข้าไปปรับแต่เพื่อให้เป็นแบบการปัดได้ในตั้งค่าของเครื่อง
ตัวเครื่องด้านบน: ประกอบไปด้วยช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 มม. ตรงการเป็นลำโพงตัวที่ 2 ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นเดิมแบบชัดเจนมาก และไมโครโฟน ที่มีหน้าที่ตัดเสียงรบกวนเวลาถ่ายวิดีโอ
ด้านล่าง: ของเครื่องตัวเครื่องประกอบไปด้วยพอร์ตต่างๆ เริ่มกันรูไมโครโฟนสนทนา ด้วยพอร์ตตรงกลางตัวเครื่องเป็นช่อง USB Type-C และช่องของลำโพง สำหรับรุ่นนี้ส่วนของลำโพงตัวหลักที่มีไซล์ใกล้เคียงกับด้านบน ทำให้เสียงที่ออกมานั้นจะมีความดังเป็นพิเศษ
ตัวเครื่องด้านซ้าย: พลิกมาดูต่อที่ตัวเครื่องด้านซ้ายเป็นตำแหน่งของช่องใส่ถาดซิม สำหรับรุ่นนี้รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด Dual SIM (Nano SIM + Nano SIM) และยังสามารถเพิ่มความจำผ่าน MicroSD ได้อีก 1 ช่องเท่ากับมือถือรุ่นนี้รองรับช่องใส่การ์ดทั้งหมดแบบ Triple Slot
ตัวเครื่องฝั่งขวา: มีปุ่มควบคุมการทำงานด้วยกัน 2 ปุ่มประกอบไปด้วยปุ่มบนสุดปุ่มเพิ่มเสียง-ลดเสียง
ถัดลงมาคือปุ่ม Power Button ไว้สำหรับเปิด / ปิด หรือ Standby ของเครื่องและในรุ่นนี้เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือจะอยู่ที่ตัวเครื่องด้านขวาตรงปุ่ม Power อยู่ในปุ่มเดียวกันกับปุ่มเปิด-ปิดเครื่องครับ
ตัวเครื่องด้านหลัง: มาในดีไซน์แบบเคลือบเงา (แต่จริงๆ มันคือผิว Mattle Finish ที่ขัดเรียบ) ให้ความสดใสสะดุดตา สามารถช่วยป้องกันรอยนิ้วมือ และป้องกันการลื่นไหล จับถนัดกระชับไม่ต้องกลัวหยุดร่วงได้เป็นอย่างดีครับ ยังให้ความรู้สึกสัมผัสที่ละมุนและรู้สึกถึงความหรูหราอีกด้วย
ด้านบนของตัวเครื่องด้านหลังตรมมุมบนขวาจะเป็นตำแหน่งของกล้องหลัง 4 ตัว (AI-CAM) ตั้งเรียงกันอยู่ในเฟรมตรงตำแหน่งมุมบนด้านซ้าย ประกอบด้วยกล้องหลักความละเอียดสูงถึง 50 ล้านพิกเซล พร้อมกล้องเสริมครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นกล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และกล้อง Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และไฟแฟลช ขนาดกำลังเหมาะ
ด้านล่างของตัวเครื่องด้านหลังมีโลโก้ Redmi สกรีนอยู่ที่ด้านล่างตัวเครื่องครับ
เต็มเปี่ยมไปด้วยขุมพลังจาก MediaTek Helio G88 และแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh
ด้วยแบตเตอรีความจุ 5,000 mAh ทำให้ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินไปกับทุกความบันเทิงยาวนานถึงสองวันด้วยการชาร์จเพียงแค่ครั้งเดียวอีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบชาร์จไว 18W รองรับระบบ Reversed Wired Charging 9W และ 22.5W Inbox Charger ที่สามารถทำให้คุณใช้เวลาไปกับการชาร์จแบตน้อยลง
เปิดเครื่องเพื่อทดลองใช้งานรวมไปถึงฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันพื้นฐานต่าง ๆ
อย่างที่เรารู้กันอยู่แล้วว่า Redmi 10 ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 11 พร้อมครอบทับด้วย MIUI 12.5 ที่ทำงานได้อย่างรวดเร็ว และไหลลื่นทั้งการใช้งานทั่วไป ดังนั้นไม่ต้องห่วงว่าด้วยราคาของมันจะอยู่ในระดับนี้จะทำงานออกมาได้ไม่ดี เครื่องเร็วและไหลลื่นมาก
เพราะ MIUI 12.5 นั้นมีการปรับปรุงที่ลด Application และบางฟีเจอร์ออกเพื่อลดการใช้พื้นที่เยอะโดยไม่จำเป็น เท่ากับมือถือรุ่นนี้จะมีความคลื่นไหลเป็นพิเศษ นั่นเอง
และอย่างที่เรารู้กันครับว่าหากเราปัดนิ้วจากบนลงมาด้านล่างจะเป็นการเรียกหน้าต่างของเมนูลัดๆ ต่างๆ ออกมาใช้งาน ส่วนใหญ่การตั้งค่าหลักๆ เรามักจะปรับจากตรงนี้ รวมไปถึงการเปิดอ่านหรือเช็คแจ้งเตือน (Notification) และลบก็ทำจากตรงนี้ได้ด้วยเช่นกัน แถมยังสามารถปัดลงมาเพื่อใช้ตั้งค่าด่วนที่จำเป็น แถมยังปรับตั้งค่าเพิ่มเติมได้อีกด้วย
เริ่มกันที่หน้าจอหลักและหน้าเมนูการใช้งาน (หน้าโฮมสกรีน) ซึ่งแน่นอนว่าในรุ่นนี้มีแอปพลิเคชั่นพื้นฐานลงไว้ให้แบบครบครันตั้งแต่เปิดเครื่องครั้งแรกครับ ส่วนตัวไหนไม่มีก็สามารถทำการโหลดเพิ่มเติมได้จาก Play Store ได้ง่าย ๆ
ส่วนของธีมและวอลเปเปอร์สำหรับในรุ่นนี้นั้นมีมาให้เราเลือกใช้งานเยอะครับ โดยมีทั้งแบบที่ให้มาแล้วในเครื่องและสามารถดาว์นโหลดเข้ามาใช้งานรวมไปถึงการดึงภาพจาก Gallery ที่มามาใช้งาน
การตั้งค่าความปลอดภัย Redmi 10 รองรับการปลดล็อกตัวเครื่องด้วยการตรวจสอบลายนิ้วมือ (Fingerprint unlock) ที่ด้านข้างตัวเครื่องตำแหน่งปุ่มสำหรับ เปิด-ปิด ตัวเครื่อง และรองรับการสแกนใบหน้า (Face unlock) ครับ
ทดสอบความ Geekbench 5 โปรแกรมทดสอบประสิทธิภาพกันเบาๆ ครับ
ทดสอบเบาๆ ด้วย ทดสอบ Benchmark ด้วยโปรแกรม Geekbench 5 ทำได้ 334 คะแนน (Single-Core) และ 1152 คะแนน (Multi-Core) อันนี้ไม่ต้องทดสอบมาก เพราะเอาเข้าจริงคงไม่มีใครสนใจอ่านมากนักหรอก เดี๋ยวมาอ่านสรุปตอนท้ายที่เราจะบอกละกันว่า หลังการใช้งานจริง Redmi 10 สามารถทำให้เราประทับได้มากน้อยแค่ไหน? และได้กี่คะแนนสำหรับการรีวิวในครั้งนี้
ในส่วนของการทดสอบ MultiTouch Tester สำหรับ Redmi 10 รองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 10 จุด
Play Store มีอะไรบ้าง?
อย่างที่เรารู้กันอยู่แล้วว่าในมือถือที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์จะมีชื่อแอปพลิเคชันว่า Play สโตร์ จริงมันก็คือร้านค้าของ Google นั้นเองครับ แน่นอนว่าเราวามารถโหลดแอปพลิเคชันต่างๆ ได้จากตรงนี้
ทดลองเข้าเว็บไชต์ด้วย Redmi 10
แน่นอนว่าเราสามารถเข้าหาข้อมูลหรืออ่านข่าวสารผ่านเบราว์เซอร์ได้เลย ทั้งนี้มือถือรุ่นนี้มีการติดตั้ง Google Chrome เป็น Browser หลักมาให้ตั้งแต่เปิดกล่องออกมา สำหรับการอ่านบทความเว็บบนสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ทำออกมาดีครับ และสำหรับผู้รักในการอ่าน Redmi 10 ยังมีฟีเจอร์ Reading Mode 3.0 ที่ปรับเปลี่ยนการแสดงผลหน้าจอให้เหมือนกระดาษเพื่อช่วยถนอมสายตาได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
ลองถ่ายภาพด้วย Redmi 10 ในสภาวะแสงต่าง ๆ
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับกล้องของ Redmi 10 กันหน่อยครับว่ารุ่นนี้ประกอบไปด้วยกล้องอะไรบ้าง Redmi 10 มาพร้อมกับกล้องหลัง 4 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล กล้องอัลตราไวลด์ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล กล้องมาโคร ความละเอียด 2 MP และกล้องถ่ายภาพชัดลึกความละเอียด 2 ล้านพิกเซล อีกทั้งยังเต็มไปด้วยฟิลเตอร์ต่าง ๆ มากมายทำให้สามารถสร้างสรรค์ทั้งภาพถ่ายและวิดีโอได้อย่างง่ายดายแค่เพียงปลายนิ้ว
และยิ่งไปกว่านั้น Redmi 10 ยังมาพร้อมกับกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่มีฟีเจอร์การถ่ายภาพแบบพาโนรามาเพื่อหลอมรวมภาพเซลฟี่ของคุณกับสิ่งแวดล้อมที่สวยงามไว้ด้วยกันอีกด้วย
สำหรับในส่วนของฟีเจอร์ต่างๆ ของกล้องใน Redmi 10 นั้นก็จัดมาเต็มครับ มีฟีเจอร์พื้นฐานครบ อีกทั้งในรุ่นนี้ยังไม่ AI ที่ช่วยให้คุณสามารถถ่ายรูปได้สวยขึ้นอีกด้วย ทุกอย่างสามารถควบคุมได้ง่ายและเซอร์ไพรส์ยิ่งกว่าคือ มีโหมดโปรฯ มาให้เลือกใช้งานอีกด้วย เท่ากับ ยังคงเก็บจุดเด่นของ Xiaomi ที่ให้ลูกเล่นครบเครื่อง
และอีกฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือในรุ่นนี้มีฟีเจอร์สวย ๆ ในมาในเครื่องให้คุณได้เลือกนำมาใช้กับภาพถ่ายของคุณมากมายหลากหลายโทนเลยครับ
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วย Filters ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Gold vibes, Lime, Summer, Fantasy และอื่น ๆ อีกมากมาย
มาถึงตัวอย่างของภาพที่ถ่ายด้วย ในสภาวะต่าง ๆ กันบ้าง สำหรับรีวิวนี้อาจจะมีตัวอย่างภาพไม่มากนักเนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ โควิด-19 ในปัจจุบันทำให้เราไม่สามารถออกไปหาสถานที่สวย ๆ ทดสอบกล้องให้เพื่อน ๆ ได้เห็นกันมากนัก แต่พวกเราสัญญาว่าหากอะไร ๆ ดีขึ้นเราจะกลับมารีวิว Redmi 10 แบบละเอียดให้อ่านกันอีกรอบ
ส่วนใครที่ต้องการนำรูปถ่ายออกจากเครื่องโดยตรงก็ทำได้ไม่ยากครับ แค่นำ Redmi 10 เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เราก็สามารถดึงภาพในเครื่องออกมาได้แบบง่าย ๆ
เล่นแล้วเล่า: กับความประทับใจที่มีต่อ Redmi 10 หลังได้ลองเล่น
สำหรับส่วนสุดท้ายที่เรากำลังจะบอกเล่ากันต่อไปนี้นั้น เราต้องออกตัวก่อนเลยว่าบทวิเคราะห์นี้เป็นความเห็นของนักเขียนอย่างเราหลังได้ทดลองเล่น Redmi 10 มาสักระยะหนึ่งครับ
เรื่องแรกเราต้องบอกเลยว่า Redmi 10 เป็นสมาร์ทโฟนที่สามารถถ่ายภาพออกมาได้สวยมากเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนราคานี้ ส่วนนี้เราขอชมจากใจจริงเลย ด้วยปกติแล้วเรารีวิวมือถือราคานี้มาหลายแบรนด์และน้อยมากที่จะถ่ายรูปออกมาแล้วสวยแบบรุ่นนี้ ^^ และยังมีขุมพลังที่ไว้รองรับการใช้งานได้หลากหลายทั้งสามารถรองรับการเล่นเกมที่ดีระดับหนึ่ง และยังสามารถ Standby ได้ยาวทั้งวันแบบหายห่วง
ในเรื่องของการนำไปใช้สำหรับดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือและเล่นเกม จากที่ได้ทดลองใช้งานถือว่า Redmi 10 เป็นสมาร์ทโฟนที่สามารถตอบโจทย์เรื่องเหล่านี้ได้ดีครับ ด้วยการปรับเปลี่ยนที่หลากหลาย ทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ใช้งานบนความถี่ GPU และอัตรารีเฟรชเรทที่สูงขึ้น เพื่อยกระดับสัมผัสประสบการณ์ความบันเทิงที่มีระดับขึ้น
อีกทั้งยังมี Image Signal Processor ในรูปแบบใหม่ยังสามารถถ่ายภาพและเก็บทุกรายละเอียดได้อย่างคมชัด หากใช้งานหรือต้องดูเป็นเวลานาน ๆ เรารู้สึกได้ว่ามันไม่ล้าสายตา
เรื่องนี้ดีไซน์ดีก็ผ่านสำหรับ Redmi 10 เพราะมันมาพร้อมกับดีไซน์ที่เรียกว่าสวย บาง และเบามาก เวลาหยิบขึ้นมาคือสะดวกและถนัดมือมาก แถมแอบหรูหราอยู่นิด ๆ ส่วนตัวคือขอบอกว่าดีนะ มันดูบางและเบามาก
ส่วนต่อมาคือด้วยราคาไม่ถึงห้าพัน เราว่าหลาย ๆ คนคงกังวลเรื่องความสามารถของเครื่องหากต้องใช้งานหนัก ๆ หรือเล่นเกม บอกเลยว่าเรื่องนี้หมดห่วงได้ แม้ราคาจะไม่แพงแต่คุณภาพคือดีมาก เครื่องลื่นไหลดี คุ้มครับ
เอาเป็นว่าหากใครกำลังมองหาสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ที่ที่มาพร้อกับราคาและคุณภาพที่สามารถเอื้อมถึงแล้วละก็เราว่า Redmi 10 รุ่นใหม่นี้สามารถตอบโจทย์คุณได้แน่นอนหรือถ้าคุณยังไม่มั่นใจก็สามารถเดินเข้าไปทดลองเล่นของจริงได้ที่ Xiaomi Store ก่อนได้
ทิ้งท้ายเล็กน้อยสำหรับ Redmi 10 มีให้เลือกความจุ 2 ขนาด ได้แก่ 6GB+128GB ราคา 5,999 บาท และ 4GB+64GB ราคา 4,999 บาท วางจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน 2564 เป็นต้นไปที่ Xiaomi Store ร้านค้าที่ร่วมรายการทั่วประเทศและช่องทางออนไลน์อย่างเป็นทางการ