เอ็มมี่ อมลวรรณ เปิดใจสุดอาลัย คุ้มค่าในชีวิตครั้งหนึ่งได้บวชกับ แม่ชีศันสนีย์ เผยคำสอนยายยังก้องอยู่ในหู ไม่อยากเชื่อยายจากไปแล้ว หวั่นตนเป็นมะเร็ง
นักแสดงสาวเซ็กซี่ เอ็มมี่ อมลวรรณ เปิดใจสุดอาลัย กับการจากไปด้วยโรคมะเร็ง ในวัย 86 ปี ของ แม่ชีศันสนีย์ ซึ่งตนไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นความจริง ที่ผ่านมาแม่ชีดูแลตัวเองดีมาตลอด พร้อมเล่าเมื่อครั้งเคยบวชชีที่เสถียรธรรมสถาน เมื่อ 4 ปีก่อน แม่ชีศันสนีย์บวชให้ สุดซาบซึ้งบอกคุ้มค่าแล้วในชีวิต
“บอกตรงๆ เลยว่าเอ็มมี่ไม่อยากเชื่อเพราะคุณยายเป็นคนที่ดูแลสุขภาพตัวเองมาก ระหว่างที่เอ็มมี่อยู่กับคุณยายตอนช่วงบวช อาหารที่มีผงชูรสคุณยายจะไม่ฉัน แล้วคุณยายก็ใช้ธรรมชาติบำบัดมาตลอด คุณยายดูแข็งแรงมาก มันเลยทำให้เราไม่เชื่อ คำพูดคุณยายจะก้องอยู่ในหูเอ็มมี่ตลอด พอทราบข่าวตกใจที่สุดเลยค่ะ ยังไงเอ็มมี่ก็ต้องไปแน่นอน ไปช่วยงานที่วัดแน่นอน ความรู้สึกเหมือนคุณยายอยู่กับเอ็มมี่ตลอด”
“หลายคนจะคิดว่าทำไมจะต้องเสียใจขนาดนี้ เพราะก่อนที่เอ็มมี่จะบวช หลายๆ คนส่งไลน์อินบ็อกซ์ทุกอย่างหาคุณยายว่า ทำไมคุณยายให้เอ็มมี่บวช แล้วคุณยายก็บอกว่า มันไม่เกี่ยวว่าเขาจะขาวหรือดำมา แต่ถ้าวันนี้เขาอยากเป็นบุตรธิดาขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเขาอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น แล้วทำไมฉันจะให้เอ็มมี่บวชไม่ได้ ช่วงนั้นคุณยายโดนเยอะมาก เราก็มีความรู้สึกว่าทำไมเราจะต้องเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คุณยายหนักอกหนักใจ คุณยายบอกว่าไม่เลย ฉันไม่ได้รู้สึกอะไร เธอบวชเอ็มมี่เธอก็ต้องตั้งใจทำให้ดีที่สุดในขณะที่คนอื่นเขาดูถูกเธอไว้”
แม่ชีสอนอะไรเราบ้าง? “คุณยายพูดดีมาก จนทำให้เอ็มมี่รู้สึกว่า วันที่เราปลงผมบวชชีมันคุ้มค่ามากที่สุด จนแม้กระทั่งที่เอ็มมี่ลาสิกขาแล้ว เอ็มมี่คิดว่าคงจะได้จบตรงนั้นแล้วกลับมาทำงาน แต่เอ็มมี่ก็ยังได้ไปบรรยายธรรมกับคุณยายบินไปต่างจังหวัด คือไปกับคุณยายตลอด แล้วเรามีความรู้สึกว่านี่แหละคือความสุขที่เอ็มมี่ต้องการ คุณยายท่านน่ารักมากค่ะ ถ้าเอ็มมี่กำลังเสียใจมา คุณยายขาเป็นแบบนี้อีกแล้ว คุณยายก็จะพูดให้เอ็มมี่หัวเราะได้ตอนนั้นเลยค่ะ”
“บางทีเอ็มมี่ก็คิดว่าเหมือนเอ็มมี่เป็นลูกเป็นหลานท่านจริงๆ ตอนอยู่กับคุณยายไม่อยากไปไหนถ้าไม่ใช่ด้วยหน้าที่การงานที่เราต้องรับผิดชอบ เรายังต้องออกมาดูแลลูก จริงๆ เอ็มมี่ก็อยากอยู่ดูแลคุณยายไปนานๆ เพราะว่าช่วงที่เอ็มมี่ยังบวชอยู่ เป็นวันที่คุณยายได้บอกกับพี่ๆ สื่อมวลชนแล้วว่าคุณยายป่วยเป็นมะเร็ง แล้วคุณยายก็ใช้ธรรมชาติบำบัดมาโดยตลอด”
“ถ้าใครได้เห็นคุณยายตัวจริง ถ้าได้ใกล้ท่านผิวท่านดีมาก ออร่ามาก ผิวเนียนเหมือนคนไม่มีรูขุมขนเลย หลังจากที่คุณยายได้ด่วนไปกะทันหัน มันทำให้เอ็มมี่รู้สึกว่าเราต้องดูแลตัวเองให้มาก ทุกวันนี้ทำงานหนัก แต่เห็นคุณยายอย่างนั้นคุณยายทำงานหนัก คุณยายบินบ่อยมากไปทั้งยุโรป เอ็มมี่คิดว่าที่คุณยายด่วนจากพวกเราไปแบบนี้อาจจะเป็นเพราะคุณยายทำงานหนักด้วย”
ตอนนั้นที่บวชชีเพราะอะไร? “คุณพ่อของเอ็มมี่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง แล้วคุณพ่อเคยพูดว่าถ้าสมมติพ่อหายป่วย พ่อจะขอบวชตลอดชีวิตได้ไหม เราก็บอกพ่อได้เลย ไม่มีปัญหา หนูจะจัดงานให้พ่อแบบยิ่งใหญ่เลย เอาตามที่พ่ออยากจะให้เป็น สรุปคุณพ่อก็เสียชีวิต เราเป็นลูกผู้หญิงเราบวชหน้าไฟไม่ได้ งั้นเอ็มมี่จะบวชชีให้พ่อ อยากสานต่อให้พ่อที่เขาอยากจะทำตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ แล้วเอ็มมี่อยากจะเป็นคนดีให้ลูกเห็นว่าการเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ไม่ว่าเราจะเพศอะไรเราสามารถบวชได้ เราสามารถเข้าใกล้องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ถ้าเรามีใจที่จะประพฤติปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจริงๆ”
จากเรื่องนี้เราก็เลยกังวลเรื่องสุขภาพตัวเอง? “เอ็มมี่มีลูก 2 คนมาก่อนแล้ว เรามีโมเมนต์การผมร่วงไปแล้ว ทุกครั้งที่ถ่ายงานจะถามพี่ๆ ช่างผมตลอดว่า ผมตรงกลางหนูยังเหลือไหม กังวลตรงที่คุณพ่อเราก็เป็นโรคมะเร็งด้วย คุณปู่ก็เสียเพราะโรคมะเร็งด้วย ทุกคนก็พูดใส่หูเราตลอดว่ามันเป็นกรรมพันธุ์ มีสิทธิ์เป็นแน่เลย เราจิตตกแล้ว งั้นฉันไม่ตรวจเพราะกลัวจะรู้แล้วคิดมากจะตรอมใจ แต่ก็สัญญากับตัวเองขอทำงานตอนนี้ให้มีความสุขก่อน แล้วปีหน้าสัญญาว่าจะตรวจให้ครบชุดใหญ่ทุกอย่างในร่างกาย เพราะว่าการไปโดยไม่ได้จากลามันไม่โอเค”