‘เอิน’พิสูจน์ฝีมืองานผู้จัด 12ปีมีแบบฉบับของตัวเอง

Home » ‘เอิน’พิสูจน์ฝีมืองานผู้จัด 12ปีมีแบบฉบับของตัวเอง


‘เอิน’พิสูจน์ฝีมืองานผู้จัด 12ปีมีแบบฉบับของตัวเอง

ก้าวสู่งานผู้จัดมา 12 ปีแล้ว สำหรับ ‘เอิน’ ณิธิภัทร์ เอื้อวัฒนสกุล ทายาทผู้จัดรุ่นครู ‘แม่ก้อย’ ทาริกา ธิดาทิตย์ แห่งค่ายมาสเตอร์วัน ที่จับพลัดจับผลูมาเป็นผู้จัดช่อง 3 ตามรอยแม่ แต่ผลิตละครต่างแนวกันชัดเจน โดยล่าสุดมีผลงานละครเรื่อง “มามี้ที่รัก” มาให้ชมกัน

วันนี้ผู้จัดคุณพ่อลูกแฝดมาเปิดใจถึงการพิสูจน์ฝีมือการเป็นผู้จัดที่ไม่ได้อยู่ใต้เงาแม่

ก้าวมาเป็นผู้จัดเต็มตัวกี่ปีแล้ว?
เอิน – “12 ปีครับ ก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมาไกลจนถึงวันนี้ แล้วก็จัดละครมา 12 เรื่องพอดี จริงๆ อยากให้ได้มากกว่านี้”

ลายเซ็นค่อนข้างชัดเจนกับแนวละครเกี่ยวกับครอบครัว?
เอิน – “จริงๆ ไม่ใช่ความตั้งใจแรกเริ่ม แต่น่าจะเป็นการทำงานมาเรื่อยๆ แล้วเริ่มจับทางถูก รู้สึกอิน พอเป็นประเด็นครอบครัว เรารู้สึกว่ามันมีความทัชชิ่งบางอย่างที่เราสื่อสารง่าย แล้วก็ไม่อยากทำแนวละครครอบครัวที่เดิมๆ อีกอย่างครอบครัวมันคือพื้นฐานของทุกอย่าง พอเริ่มมาทำทางนี้ก็เห็นทางว่าใช่แล้วแหละ เลยลองจับทางนี้มาเรื่อยๆ”

“อย่างตอนเป็นผู้จัดเรื่องแรก สะใภ้ พญายม ไม่ใช่แนวครอบครัว ลองมา 2-3 เรื่องจนลงตัว เรื่องแรกที่ชัดๆ ว่าเป็นแนวครอบครัวน่าจะเป็น แผนร้ายพ่ายรัก เรื่องราวมีปมแม่ลูก ปมปัญหาสามีภรรยา พอหลังจากเรื่องนี้ก็เกือบจะหมดเลยที่เป็นละครแนวครอบครัว”

ว่ากันตรงๆ ละครแนวครอบครัวสู้กับละครแนวอื่นในตลาดยาก ทำไมยังเลือกทำทางนี้?
เอิน – “พอทำแล้วรู้สึกเห็นทาง จริงๆ มีหลายเรื่องที่ช่องส่งมาให้ที่เป็นแนวแมส แนวผัวเมีย ซึ่งพออ่านแล้วไม่อิน ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวละครถึงคิดแบบนี้ เลยเลือกมาจับอีกทางหนึ่งดีกว่า อีกอย่างกลัวว่าถ้าทำแล้วไม่สุดไม่แซ่บเหมือนที่คนอื่นทำกัน ก็เลยไม่กล้าทำครับ”

กลัวจะตันไหม?
เอิน – “ผมว่าเรื่องครอบครัวยังไงก็ไม่ตัน มันมีปัญหาใหม่ๆ มาเรื่อยๆ แม้แต่ปัญหาที่มันเคยเห็นแล้วแต่แค่มันเกิดขึ้นกับคนละคน บางทีบริบทมันก็ต่างกัน”

พอจับทางนี้แล้ว แม่ก้อย (ทาริกา) คุณแม่ว่ายังไงบ้าง?
เอิน – “ไม่ได้ว่าอะไร บอกว่าตามสบายเลย ถ้าอะไรที่ทำแล้วรู้สึกเห็นทาง ทำแล้วชอบก็ทำ เพราะการทำละครเรื่องหนึ่งต้องอยู่กับมันเป็นปีๆ ถ้าต้องทำในสิ่งที่ฝืนก็จะไม่มีความสุขในการทำงานนั้นไปตลอดปี”

ละครของคุณแม่สมัยที่ยังเป็นผู้จัด คนละทางกับของเราเลย?
เอิน – “ใช่ครับ ไม่เหมือนกันเลย แม่จะเป็นอีกทางหนึ่งเลย ซึ่งพอเราเลือกทางนี้แล้วแม่ก็จะปล่อย เพราะบางทีเขาก็จะงงๆ ไม่เข้าใจ”

แม่ลูกผู้จัดคู่อื่นๆ บางทีจะได้รับอิทธิพลสืบต่อกันมา แต่ของเราไม่ใช่?
เอิน – “ใช่เลย ผมก็มีทางของผม แม่ก็มีทางของแม่ อย่างเราชอบดูซีรีส์ดูหนัง ไม่ได้โตมากับละครไทย ฉะนั้นเราก็จะมีทางของตัวเอง การที่บางทีชอบมีคนพูดว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น สำหรับผมคือไม่จริงเลย เพราะผมนี่หล่นไกลเลย แต่มันคือทางของเรา พอเราหล่นไปไกลๆ แล้วรู้สึกว่าได้สร้างขึ้นมาใหม่ได้ทำอะไรที่เราชอบของเราเองครับ”

กว่าจะพิสูจน์ตัวเองได้โดยไม่ต้องใช้ชื่อคุณแม่ ผ่านช่วงเวลานั้นมายากไหม?
เอิน – “มันผ่านมาแบบไม่ค่อยรู้ตัวเท่าไหร่ (หัวเราะ) เหมือนโชคดีที่คุณแม่ปล่อย พอทำมาเรื่อยๆ ก็ลองผิดลองถูก อาจจะมีเรื่องที่ประสบความสำเร็จบ้าง เรื่องกลางๆ บ้าง แต่มันก็มาทางของเราจริงๆ แล้วเราก็ค่อยๆ จับทางเอง ส่วนคุณแม่ก็ถอยมาเป็นซัพพอร์ต เต็มที่”

ยิ่งตอนนี้เป็นพ่อคนแล้วด้วย ยิ่งอินเลยไหมกับละครแนวครอบครัว?
เอิน – “อินแบบสุดๆ ยิ่งทัชเลย ตอนแรกอาจจะยังไม่รู้ 100% แต่พอเราเป็นพ่อแล้วมันมีฟีลลิ่งนี้เยอะมาก แค่ฉากที่พ่อว่าแม่ต่อหน้าลูกตอนที่ดูในละครคือมันแรงมาก ในชีวิตจริงเราเลยจะระมัดระวังตัวเองเยอะขึ้น”

ย้อนไป 12 ปีที่แล้วมีความคิดอยากเป็นผู้จัดเอง หรือคุณแม่ขอให้มาช่วย?
เอิน – “ไม่เคยมีความคิดอยากเป็นผู้จัด เลยครับ แล้วคุณแม่ก็ไม่เคยขอให้ช่วย จริงๆ เริ่มจากที่ช่วงนั้นผมเรียนจบกลับมาเริ่มหางาน ซึ่งไม่ได้เป็นงานที่เกี่ยวกับทางนี้ด้วย พอดีมีโอกาสได้เจอนายๆ ของทางช่อง 3 เขาก็ถามว่าถ้ายังไม่มีอะไรลองมาช่วยไหม เพราะช่องอยากได้คนใหม่ๆ เข้ามาจะได้มีอะไรที่เปลี่ยนแปลง เลยลองดู หลังจากนั้นก็ยาวมาเลย 12 ปี ส่วนตัวรู้สึกภูมิใจ แฮปปี้ในจุดๆ หนึ่ง แต่ก็ยังมีอะไรที่อยากทำมากกว่านี้อีก ถ้าเป็นในเชิงละครก็อยากทำละครที่สามารถเทียบเท่าระดับเอเชียได้ แล้วค่อยๆ พัฒนาไปทีละสเต็ป รวมถึงอยากพัฒนาผลงานเราให้ดีขึ้นเรื่อยๆ”

ความเป็นลูกแม่ก้อยมีความกดดัน บ้างไหม?
เอิน – “ไม่มีเลยครับ อย่างคนที่ตามผลงานเราจริงๆ บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราเป็นลูกใคร เขาไม่ได้สนใจชื่อแม่เลย เขาสนใจแค่ชื่อเราก็มี นี่แหละคือสิ่งที่เราแฮปปี้ที่สุด เพราะเราไม่ได้อยากมาเป็นเจเนอเรชั่นที่สองที่สาม แต่อยากทำอะไรที่รู้สึกสร้างมาด้วยตัวเองให้ได้ คือถ้าเราเป็นนอมินีแล้วสิ่งที่แม่เราสร้างไว้มันดีที่สุดแล้วโอเคเราจะไปต่อยอด แต่ทีนี้เรารู้สึกว่าเรามีทางของเราอีกแบบหนึ่ง”

จิรณัฏฐ์ จงประสพมงคล

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ