เศรษฐา ปลุกประชาชนเทใจเลือกฝ่ายประชาธิปไตย ให้กำลังใจ “พิธา” ถูกร้องสอบปมถือหุ้นสื่อ เย้ย รวมไทยสร้างชาติ อย่ามั่นใจ พลังเงียบจะเลือก
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 11 พ.ค. 2566 ที่จ.เชียงใหม่ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความคาดหวังหลังการจัดเวทีปราศรัยที่ จ.เชียงใหม่ ในช่วงโค้งสุดท้าย จะสามารถดึงคะแนนเสียงได้แค่ไหน ว่า ตนมีความมั่นใจ เพราะ จ.เชียงใหม่ เป็นจังหวัดที่สำคัญที่สุดของพรรคเพื่อไทย ถือเป็นโฮมทาวน์ของเรา เราจึงคาดหวังว่าเราจะได้ ส.ส.ยกทั้งจังหวัด
เมื่อถามว่ามีการประเมินว่าหลังการเลือกตั้งจะกลับไปสู่วังวนการเมืองเดิม ในฐานะแคนดิเคตนายกฯ จะมีแผนรับมือกับสถานการณ์อย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า พี่น้องประชาชนเหนื่อยมามากแล้ว การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญ ตนมั่นใจว่าพี่น้องประชาชนจะให้ฉันทามติกับพรรคที่ตัวเองชอบ
“ส่วนเรื่องความวุ่นวาย ความไม่แน่นอน หรือความไม่เป็นธรรมทั้งหลาย ส่วนตัวหลังเข้ามาสู่สนามการเมืองแล้ว เราต้องมั่นใจในระบอบประชาธิปไตย และการทำงานขององค์กรอิสระ ความระแวง ความหวาดกลัวแน่นอนว่าต้องมีบ้าง วันนี้อีกไม่ถึง 48 ชั่วโมงจะถึงการเลือกตั้งแล้ว ดังนั้น เราต้องมั่นใจว่าระบบที่เราอยู่จะให้ความเป็นธรรม” นายเศรษฐา กล่าว
เมื่อถามว่าบนเวทีปราศรัย เมื่อวันที่ 10 พ.ค. มีการพูดถึงการรัฐประหาร และครอบครัวของนายเศรษฐาก็ได้รับผลกระทบ นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องนี้จริงๆ แล้ว ตนไม่ได้มีความเกี่ยวข้อง แต่ถูกเชิญตัวไป และตนก็ปฏิบัติตามทุกอย่าง มีการลิดรอนสิทธิของคนไทยคนหนึ่ง ตนเชื่อว่ามีอีกหลายคนที่ถูกกระทำเช่นกัน ตนเข้าใจแต่ตนไม่เห็นด้วยเรื่องของการข่มขู่ คุกคาม เราไม่ยอมรับการรัฐประหารและเผด็จการ ดังนั้น การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญมาก ประชาชนต้องเทใจให้ฝ่ายประชาธิปไตยให้ได้รับชัยชนะ
เมื่อถามถึงการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ 3 คนของพรรคเพื่อไทย แต่ไม่บอกว่าใครจะเป็นนายกฯ เพื่อป้องกันการชี้เป้าและการเตะตัดขาใช้อุบัติเหตุทางการเมืองหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็เป็นความหวาดระแวง เพราะเราโดนมาแล้วหลายหน ตรงนี้ก็เป็นกลยุทธ์ของเราเหมือนกัน ต้องมีความระมัดระวังในการเดินไปข้างหน้าในเรื่องนี้ ยืนยันว่าทั้ง 3 คนพร้อม ใครคนหนึ่งได้เป็น อีก 2 คนก็พร้อมทำงานคู่
เมื่อถามถึงกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ถูกร้องตรวจสอบหุ้นสื่อ ถือเป็นการเตะตัดขาหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนยังไม่ได้ดูข้อเท็จจริง แต่ก็เป็นกำลังใจให้ แน่นอนว่าทุกฝ่ายต้องได้รับความเป็นธรรม และเราก็มีความเป็นห่วงบางพรรคที่เสนอชื่อแคนดิเดตฯ มาเพียงชื่อเดียว
เมื่อถามถึงการปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งในวันที่ 12 พ.ค.นี้ นายเศรษฐา กล่าวว่า ขอให้ทุกคนติดตาม การปราศรัยครั้งสุดท้าย เราหวังว่าจะโน้มน้าวคนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจให้เลือกเราได้ ทั้งนี้ มั่นใจว่าเราเป็นพรรคใหญ่ เราเป็นสถาบันการเมืองที่ยึดโยงกับประชาชนกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เรามั่นใจว่าทีมงานของเราพร้อม เชื่อว่าการปราศรัยของเราจะได้รับการติดตามจากประชาชน
เมื่อถามว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พยายามหาเสียงด้วยการปลุกพลังเงียบ หวั่นจะกระทบกับคะแนนของคนที่ยังไม่ตัดสินใจหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ได้หมายความว่าพลังเงียบจะเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติทั้งหมด พลังเงียบที่ยังไม่ตัดสินใจก็มี เหตุผลที่เขาเงียบก็เพราะเขายังไม่ตัดสินใจ ซึ่งตรงนี้เป็นหน้าที่ของพรรคเพื่อไทยและทุกพรรคที่จะดึงคะแนนเสียงตรงนี้ออกมา ส่วนอะไรที่จะดึงคะแนนตรงนี้ออกมาได้ คือความชัดเจน ประสบการณ์
“เราอย่าอยู่กับความฝัน แม้ความฝันไม่เสียเงิน เราอยู่กับความเป็นจริงดีกว่า ดูในอดีตดีกว่าว่าพรรคเพื่อไทยเคยทำนโยบายยากๆ ให้เกิดขึ้นได้ และได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วน” นายเศรษฐา กล่าว