จากกรณีที่มีผู้ใช้ Facebook ชื่อว่า “Gus Bell” ได้ออกมาโพสต์ภาพสองคนร้าย ขับรถจักรยานยนต์ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน 4ขว 3341 กรุงเทพมหานครฯ เข้ามาในโรงเรียน ซึ่งมีเด็กนักเรียนรอซ้อมฟุตบอลอยู่ภายในโรงเรียนข้างสนามฟุตบอล ถูกคนร้ายทั้งสองคนล็อคคอขู่ฆ่าบังคับให้บอกรหัสปลดล็อคโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะได้โทรศัพท์มือถือไปหนึ่งเครื่องแล้วขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป ซึ่งผู้โพสต์ระบุข้อความเอาไว้ว่า
“เตือนภัย มีวัยรุ่นจากต่างหมู่บ้านเข้ามาในหมู่บ้านคำบง หาจี้ปล้น ล็อกคอเด็กน้อยให้บอกรหัสไม่งั้นจะฆ่า แล้วเอาโทรศัพท์ไป หลานผมพึ่งเจอเมื่อสักครู่ที่โรงเรียนบ้านคำบง มันเอาแต่โทรศัพท์ไป เด็กปลอดภัยแล้วครับ เห็นหน้าตารถชัดเจน กำลังไปแจ้งความ ฝากผู้ปกครองช่วยดูแลบุตรหลานเป็นหูเป็นตาช่วยกันครับ เป็นตะย้านแฮง ใครรู้จักInbox ผมด้วยนะครับ ขอบคุณครับ“
- จับแล้ว! 2 วัยรุ่น ยิงแก๊งคู่อริ หน้าวงเวียนบางเขน เหตุไม่พอใจที่เพื่อนโดนฟัน
- กัมพูชา เตรียมขึ้นทะเบียน “สงกรานต์กัมพูชา” เป็นมรดกโลก UNESCO
- เปิดนาทีหนีตาย! เด็กวิ่งตัดหน้ารถกระบะ หวิดเกิดเหตุสลด
ล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปพบกับ นางรัตน์ พิมพ์ทรายมูล อายุ 60 ปี 295 ม.13 บ้านคำบง ต.สะอาด อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น และ ด.ช.อนุชิต ทารส อายุ 10 ปี หรือน้องเอิร์ธ ยายกับหลาน พาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ดูจุดเกิดเหตุภายในโรงเรียน เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เมื่อช่วงบ่ายวานที่ผ่านมา (31 มี.ค.67) น้องเอิร์ธ ไปนั่งเล่นโทรศัพท์กับเพื่อนที่โรงเรียน ซึ่งอยู่ตรงข้ามบ้าน และปกติก็จะมาเล่นเป็นประจำและรอซ้อมบอลกับพี่ ๆ ตอนเย็น
ขณะที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ม้านั่งหินอ่อนข้างสนามฟุตบอลกับเพื่อนอีก 2 คนรวมเป็น 3 คน คนร้ายทั้งสองขับรถจักรยานยนต์เข้ามา แล้วมานั่งลงกลางวง พร้อมกับนับเลขแล้วพูดว่า 123 สามคนนี้ให้ส่งโทรศัพท์มาถ้าไม่ส่งมาตาย พอพูดจบเพื่อนเพื่อนหลานสองคนลุกขึ้นวิ่งทันที ส่วนหลานถูกคนร้ายเรียกแล้วล็อคคอเอาไว้ ลากมาที่ใต้ต้นไม้ห่างจากไม้หินอ่อนประมาณ 20 เมตร แล้วบอกว่าเอาโทรศัพท์มาให้พี่คุยกับลุงที่อยู่กรุงเทพหน่อย
ทางด้านน้องเอิร์ธจึงบอกคนร้ายไปว่ายายห้ามให้โทรศัพท์คนอื่นเล่นเด็ดขาด คนร้ายจึงขู่ว่าถ้ามึงไม่ให้โทรศัพท์กูกูจะตีมึง จนน้องเอิร์ธกลัว ต้องส่งโทรศัพท์ให้คนร้ายไป และยังบังคับให้บอกรหัสปลดล็อคโทรศัพท์ พอคนร้ายได้รหัสปลดล็อคโทรศัพท์แล้วก็ปล่อยตัวน้องเอิร์ธก่อนจะขึ้นรถจักรยานยนต์ขับหลบหนีไปทางหน้า สถานีอนามัยในหมู่บ้าน และน้องเอิร์ธยังบอกอีกว่า คนขับชื่อนายโหน่ง เคยเห็นมาเล่นที่โรงเรียนประจำ และเป็นคนบ้านเดียวกัน และตอนนี้อยากได้โทรศัพท์คืน ซึ่งเป็นสมบัติชิ้นเดียวของพ่อที่เหลืออยู่หลังจากพ่อตาย มีข้อมูลของพ่ออยู่ในนั้น และภาพถ่ายของพ่อที่เอาเก็บไว้ดูเวลาคิดถึง
โดยนางรัตน์ บอกอีกว่า ตอนนี้ทราบจากผู้ใหญ่บ้านว่าเจอคนก่อเหตุแล้วเป็นคนต่างหมู่บ้าน และได้แจ้งทางตำรวจให้ทราบแล้ว แต่ยังไม่ได้ดำเนินการอะไร เนื่องจากตนเองไม่อยากเอาเรื่อง อยากจะพูดคุยสั่งสอนเอา เพราะกลัวคนก่อเหตุจะแค้นย้อนกลับมาทำร้าย ซึ่งอาศัยอยู่กับหลานแค่สองคน จึงรอพูดคุยกับทางผู้ใหญ่บ้านก่อนว่าควรทำอย่างไรดี เพราะอีกใจก็กลัวคนก่อเหตุจะไปก่อเหตุที่อื่นอีกหากไม่จับกุมแล้วได้ใจ