เมื่อพูดถึงถุงยางอนามัยคงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก เพราะถุงยางอนามัยนั้นเป็นอุปกรณ์ป้องกันการตั้งครรภ์ และป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่หลายๆคนนิยมใช้ มีหลากหลายชนิด หลากหลายกลิ่นด้วยกัน และที่สำคัญมีแจกฟรีอีกด้วยที่สถานบริการสุขภาพของรัฐ คุณภาพเท่าเทียมกับถุงยางอนามัยที่วางขายตามร้านสะดวกซื้อ รู้แบบนี้แล้วมาใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งก่อนมีเพศสัมพันธ์กันเถอะ!
ชนิดของถุงยางอนามัย
- ชนิดที่ทำจากลำไส้สัตว์ (Skin condom) ผลิตจากลำไส้ส่วนล่างของแกะ มีขายที่สหรัฐอเมริกา ผิวของวัสดุมีรูพรุนเล็กๆ ขวางได้เฉพาะตัวอสุจิ จึงไม่สามารถป้องกันเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ไม่สามารถยืดตัว แต่มีความอ่อนนุ่ม จึงสวมใส่แบบหลวมๆ ไม่รัดแนบแน่นแบบที่ทำจากยางธรรมชาติ
- ชนิดที่ทำจากน้ำยางธรรมชาติ (rubber condom or latex condom) ราคาถูก ยืดหยุ่นได้ดีกว่าชนิดที่ทำจากลำไส้สัตว์ มีขนาดความกว้างน้อยกว่า การสวมใส่ก็กระชับรัดแนบเนื้อ สามารถใช้ได้ทั้งเพื่อการคุมกำเนิดและป้องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- ชนิดที่ทำจากPolyurethane (ถุงยางพลาสติก) จะคงทนกว่าชนิดที่ทำจากน้ำยางธรรมชาติ สามารถใช้สารหล่อลื่นที่ทำจากผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีได้ มีขายที่สหรัฐอเมริกา
การเลือกขนาดถุงยางอนามัย
ควรเลือกให้พอดี ไม่หลวม หรือคับแน่นจนเกินไป เพราะจะทำให้ฉีกขาดง่าย หรือหลุดระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งขนาดของถุงยางอนามัยในไทยนั้นจะแตกต่างกันไปตามแต่ละยี่ห้อ โดยวัดจากเส้นรอบวง ไม่ใช่ความยาว เพราะถุงยางอนามัยเกือบทุกยี่ห้อ จะทำความยาวมาเท่า ๆ กัน คือประมาณ 6-7 นิ้ว โดยใช้หน่วยวัดเป็นมิลลิเมตร เซนติเมตร หรือนิ้ว จากสายวัด โดยเทียบขนาดได้ตามนี้
ขนาดถุงยางอนามัย (มิลลิเมตร): รอบวง (เซนติเมตร)/ รอบวง (นิ้ว)
- 49 มิลลิเมตร: รอบวง 11-12 เซนติเมตร / ประมาณ 4.5 นิ้ว
- 52 มิลลิเมตร: รอบวง 12-13 เซนติเมตร / ประมาณ 5 นิ้ว
- 54 มิลลิเมตร: รอบวง 13-14 เซนติเมตร / ประมาณ 5.5 นิ้ว
- 56 มิลลิเมตร: รอบวง 14-15 เซนติเมตร / ประมาณ 6 นิ้ว ขึ้นไป
ก่อนใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง อย่าลืมตรวจดูวันหมดอายุของถุงยางอนามัยอยู่เสมอ และเปลี่ยนถุงยางอนามัยใหม่ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ หลังจากหลั่งแล้ว ถอดออกด้วยความระมัดระวังทันที และไม่นำกลับมาใช้ซ้ำเพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศ และ การตั้งครรภ์โดยไม่ได้ตั้งใจ