เพื่อไทยชี้หุ้น MORE สะท้อนช่องโหว่ที่ไม่เคยถูกปิดของตลาดหุ้นไทย ไร้ความน่าเชื่อถือ เสียหายซ้ำซาก ประเมินค่าไม่ได้ ติงหน่วยงานกำกับแก้ปัญหาแบบเดิมๆ
เมื่อวันที่ 17 พ.ย. นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) และผอ.ศูนย์นโยบายพรรคพท.กล่าวถึงกรณีหุ้น MORE ว่า เรื่องนี้แบ่งได้ 3 ระดับ ต้นน้ำ คือ ความจริงของตลาดหุ้นไทยที่เต็มไปด้วยช่องโหว่และโอกาสการปั่นหุ้น กฎเกณฑ์ที่ล้าหลังไม่ทันเกม หน่วยงานกำกับที่ไม่ทันการณ์ กลางน้ำ คือ ความหละหลวมของโบรกเกอร์เรื่องหลักประกันและการปล่อยวงเงิน จนเกิดความเสียหาย ปลายน้ำ คือ นักลงทุนรายย่อยกลายเป็นเหยื่อ จริงอยู่ที่หัวใจของเรื่องนี้มักถูกชี้เป้าที่ความหละหลวมของโบรกเกอร์ในเรื่องหลักประกัน และการปล่อยวงเงิน แต่เรื่องทั้งหมดจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากตลาดหุ้นไทยมีความสมบูรณ์เชิงโครงสร้าง ซึ่งความรับผิดชอบตรงนี้ก็ต้องชี้เป้าไปที่หน่วยงานที่กำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์
นายเผ่าภูมิ กล่าวต่อว่า ไม่อยากให้มองแค่กรณีหุ้น MORE แต่อยากให้มองความซ้ำซากของปัญหาเดิมๆ เพียงแต่ถูกเปลี่ยนรูปแบบการฉ้อฉลไปเรื่อยๆ นั่นเพราะตลาดหุ้นไทยเต็มไปด้วยช่องโหว่เชิงโครงสร้างที่ไม่เคยถูกปิด ไม่เคยถูกแก้ไข ทุกครั้งที่เจอการปั่นหุ้น หน่วยงานที่กำกับก็แก้ไขปัญหาแบบเดิมๆ คือ ระงับการซื้อขาย แล้วค่อยตามไปตรวจสอบ และชี้แจงว่าได้ดำเนินการทุกขั้นตอนไปตามหลักเกณฑ์แล้ว แต่หลักเกณฑ์ที่ล้าหลัง การทำตามเกณฑ์ที่ล้าหลัง และแจงว่าได้ทำตามเกณฑ์เหล่านี้แล้ว และจะถอดบทเรียนเพื่อป้องกันในคราวหน้า นี่อาจไม่ใช่คำตอบที่เพียงพอที่ประชาชนต้องการ ความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างกรณีหุ้น MORE นั้น มันไม่ใช่แค่ความเสียหายของโบรกเกอร์อย่างที่พูดๆกัน แต่อยากชวนมองภาพใหญ่กว่า นั่นคือความเสียหายเชิงระบบต่อตลาดหุ้นไทย เพราะสิ่งที่ถูกทำลายไปคือความเชื่อมั่นและความน่าเชื่อถือต่อตลาดหลักทรัพย์ไทย ซึ่งมีราคาสูงจนประเมินค่าไม่ได้ เสียแล้วเสียเลย กอบกู้ไม่ได้ ยังไม่นับบทบาทในการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งมีความซับซ้อนสูงกว่า ไร้ตัวกลาง ซึ่งความสามารถและความรู้ความเข้าใจของหน่วยงานกำกับดูแลนั้น จะถูกตั้งคำถามมากขึ้นไปอีก