เพื่อไทย เคลื่อนทัพคาราวานหาเสียงคิกออฟแพร่ วรวัจน์ ลั่นภาคเหนือชนะแบบถล่มทลายแน่
เมื่อวันที่ 6 เม.ย.66 ที่จ.แพร่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดแพร่ พรรคเพื่อไทย (พท.) ทั้ง 3 เขต ประกอบด้วย นพ.ทศพร เสรีรักษ์ ผู้สมัคร ส.ส.แพร่ เขต 1 (เบอร์ 4) นพ.นิยม วิวรรธนดิฐกุล ผู้สมัคร ส.ส.แพร่ เขต 2 (เบอร์ 7) และนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ผู้สมัคร ส.ส.แพร่ เขต 3 (เบอร์ 5) ร่วมปล่อยคาราวานขบวนรถแห่หาเสียงของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นแคมเปญหนึ่งในช่วงเลือกตั้งใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนภายใต้สโลแกน “กึ้ดใหญ่ทำเป็น” ประเดิมจ.แพร่เป็นจังหวัดแรก บริเวณประตูสู่ล้านนา
นายวรวัจน์ กล่าวว่า จ.แพร่เป็นจังหวัดประตูสู่ล้านนา เป็นความสำเร็จของพรรคเพื่อไทย เพราะจ.แพร่เป็นจังหวัดแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอดอยู่แล้ว ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคเพื่อไทยก็เชื่อมั่นว่าภาคเหนือทั้งหมดจะรวมเป็นหนึ่ง นี่จึงเป็นสัญลักษณ์ของการแลนด์สไลด์ทั้งภาคเหนือของพรรคเพื่อไทยด้วย เชื่อว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ทุกเขตเลือกตั้งในภาคเหนือทั้ง ส.ส.และพรรคเพื่อไทย จะได้รับการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์อย่างแน่นอน แล้วจะไม่ใช่การเลือกตั้งที่ชนะธรรมดา แต่จะเป็นการเลือกตั้งที่พรรคเพื่อไทยจะชนะอย่างถล่มทลาย
นายวรวัจน์ กล่าวถึงยุทธศาสตร์การนำเสนอนโยบายในพื้นที่ภาคเหนือของพรรคเพื่อไทยว่า เราจะชี้ให้เห็นถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพใหญ่ในภาคเหนือ เราจะวางโครงสร้างตั้งแต่เรื่องของที่ดินทำกินให้ทุกคนมีที่ดินทำกินถ้วนหน้า แก้ไขปัญหาเรื่องเขตป่าไม้เพื่อให้สามารถทำแหล่งน้ำ ถนนได้ เราจะส่งเสริมพืชเกษตรที่มีราคาสูง โดยเฉพาะผลไม้ชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะทุเรียน ลำไย และผลไม้ที่มีศักยภาพในการส่งออก เช่น ส้มโอ ซึ่งเราจะมีวิธีการเก็บรักษาพืชผลด้วยเทคโนโลยีระบบเยือกแข็งมายืดอายุพืชผล เพื่อให้สามารถส่งออกสู่ตลาดโลกได้ นอกจากนี้ เรายังมีการวางแผนให้คนเข้ารับการอบรมอาชีพที่มีทักษะสูง เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงในอนาคต รวมถึงการให้ความสำคัญกับการศึกษา โดยจะมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในด้านการศึกษาด้วย และนโยบายที่สำคัญที่สุด คือการช่วยเหลือประชาชนที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ ซึ่งครอบครัวไหนมีรายได้ต่ำกว่า 20,000 บาทต่อเดือน หากเราเป็นรัฐบาลจะมีการช่วยเหลือให้แต่ละครอบครัวมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นบาทต่อเดือนให้ได้ จะมีการเติมเงินจำนวน 10,000 บาทในกระเป๋าดิจิทัล ให้ประชาชนนำไปจับจ่ายใช้สอยในระยะ 4 กิโลเมตรใกล้บ้านภายใน 6 เดือนด้วย นี่จึงเป็นคาราวานที่จะให้ทั้งความหวัง และให้กำลังใจแก่พี่น้องประชาชนผ่านการบอกเล่านโยบาย
สำหรับขบวนแห่จะเริ่มต้นที่ประตูสู่ล้านนาที่จ.แพร่ในวันที่ 6 เม.ย.เป็นที่แรก จากนั้นจะเดินทางต่อไปยังจ.พะเยาในวันที่ 7 เม.ย. โดยจะเคลื่อนขบวนไปเข้าร่วมเวทีปราศัยใหญ่ที่จ.น่าน ในวันที่ 8 เม.ย. และเวทีปราศัยใหญ่จ.ลำปางในวันที่ 9 เม.ย. เคลื่อนตัวต่อไปยัง อ.พาน จ.เชียงรายตอนล่างในวันที่ 10 เม.ย.และเชียงรายตอนบนในวันที่ 11 เม.ย. โดยในวันนี้จะมีเวทีคู่ขนานที่จ.แม่ฮ่องสอน จากนั้นจะปิดท้ายขบวนแห่ที่จ.เชียงใหม่ในวันที่ 12 เม.ย. โดยจะมีขบวนจากจ.ลำพูนเคลื่อนพลเข้าร่วมขบวนด้วย