เพจดังแฉหนุ่มตี๋ ม.ดัง ทำสาวท้อง 3 คน ไล่ไปทำแท้ง เตือนผู้หญิงตกเป็นเหยื่อ ระวังติดเชื้อ HPV

Home » เพจดังแฉหนุ่มตี๋ ม.ดัง ทำสาวท้อง 3 คน ไล่ไปทำแท้ง เตือนผู้หญิงตกเป็นเหยื่อ ระวังติดเชื้อ HPV
เพจดังแฉหนุ่มตี๋ ม.ดัง ทำสาวท้อง 3 คน ไล่ไปทำแท้ง เตือนผู้หญิงตกเป็นเหยื่อ ระวังติดเชื้อ HPV

เพจดังแฉหนุ่มตี๋ ม.ดัง ทำสาวท้อง 3 คน ไล่ไปทำแท้ง บางรายเป็นโรคซึมเศร้าจนจบชีวิต เตือนผู้หญิงอาจตกเป็นเหยื่อติดเชื้อ HPV โดยไม่รู้ตัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจ “อีซ้อขยี้ข่าว3”  โพสต์ข้อความระบุว่า ตัวตึง! เด็กมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งย่านรังสิต พฤติกรรมทำสาวท้อง 3 ราย ไม่รับผิดชอบแถมไล่ให้ทุกคนไปทำแท้ง

หนุ่มตี๋หน้าตาดีดีกรีเด็ก ม.ดัง ย่านรังสิตชอบอวดอ้างว่าบ้านรวย เป็นลูกคุณหนู มักตีสนิทกับสาวๆ ที่บ้านมีฐานะ เขามักชอบพาสาวๆ ขึ้นไปหลับนอนบนคอนโด โดยที่ไม่เคยป้องกัน ซึ่งถ้าสาวคนไหนขัดขืนเค้าจะโมโห ไม่พอใจ

หนุ่มหน้าตี๋คนนี้ทำผู้หญิงท้องมาแล้ว 3 รายซึ่งทุกคนจะโดนบังคับให้ไปเอาเด็กออก มีคนนึงต้องกลายเป็นโรคซึมเศร้า หลังถูกเค้าบีบบังคับให้ไปทำแท้ง สุดท้ายสาวรายนี้ต้องจบชีวิตลงเพราะไม่สามารถผ่านประสบการณ์เลวร้ายนี้ได้

คนล่าสุดถูกบังคับให้ไปเอาเด็กออกเหมือนกับทุกคนที่ผ่านมาและติดเชื้อที่ช่องคลอด ต้องนอนรักษาตัวทั้งวันโดยที่ “โด่ง” ไม่เคยมาเหลียวแลและก็หายตัวไป

ข่าวอ้างว่าหนุ่มหน้าตี๋ ชื่อโด่ง ติดเชื้อเอชพีวี ซึ่งอาจมีผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่ออีกหลายคนโดยหลายรายอาจยังไม่รู้ตัว

HPV เป็นเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า เชื้อแปปิโลมา หรือเอชพีวี (HPV) ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดการติดเชื้อเนื้อเยื่อบุผิว ส่งผลให้เกิดโรคบริเวณอวัยวะเพศและทวารหนัก ที่สามารถกระตุ้นให้เกิดโรคมะเร็งในระบบสืบพันธ์ได้ สามารถพบได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย โดยมีมากกว่า 100 สายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่อันตรายต่อร่างกายมากที่สุดคือ สายพันธุ์ 16 และ 18 มักติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทวารหนัก ปาก โดยแพร่เชื้อผ่านรอยแผล หรือรอยขีดข่วนตามผิวหนัง หรือสัมผัสผิวหนัง อีกทั้งสิ่งของปนเปื้อนเชื้อจากผู้ป่วย ที่น่าเป็นห่วงคือ หญิงตั้งครรภ์ที่มีเชื้อ HPV อาจแพร่เชื้อสู่ลูกระหว่างการคลอดได้ ด้วยการสัมผัสเชื้อโดยตรงหรือการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งผู้ที่มีเชื้อ HPV อยู่ในร่างกายมักไม่มีอาการแสดงใด ๆ  จึงอาจแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว

 

หากติดเชื้อ HPV วิธีการรักษาจะขึ้นอยู่กับอาการที่พบเป็นสำคัญ โดยผู้ที่เป็นหูดจะรักษาโดยการใช้ยา ส่วนผู้ที่เป็นมะเร็งอาจต้องเข้ารับการฉายรังสีหรือผ่าตัด หากรู้เร็วจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาและมะเร็งไม่ลุกลามจนสายเกินไป

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ