อย่างที่หลายๆ คนได้ทราบข่าวกันไปแล้วว่าที่ประชุมสภากลาโหมมีมติการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่ต้องกักตัวในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว
ล่าสุดทาง พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยง กรมควบคุมโรค แถลงรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการรองรับการเปิดประเทศ 1 พ.ย. โดยมีใจำความสำคัญในการจำกัดเงื่อนไขการเข้าราชอาณาจักรไทยของทั้งคนไทยและคนต่างชาติ ซึ่งจะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ
1.ผู้เดินทางจากทุกประเทศ, ผู้เดินทางที่ไม่ได้รับวัคซีนครบโดส : เมื่อเดินทางถึงไทยจะต้องเข้าสู่การกักกันโรคในสถานกักกันที่รัฐจัดให้
2.ผู้เดินทางจากทุกประเทศที่มีปลายทางที่ 17 จังหวัดนำร่องเปิดการท่องเที่ยว: ต้องได้รับวัคซีนครบโดส และจะต้องเตรียมเอกสารและปฏิบัติตามเงื่อนไข.
- เดินทางมาจาประเทศที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กำหนด และเดินทางมาทางอากาศเท่านั้น
- มีเอกสารรับรองการรับวัคซีนครบ 2 เข็ม
- มีผลการตรวจเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ก่อนเดินทางไม่เกิน 72 ชม.เมื่อเดินทางมาถึงจะต้องตรวจหาเชื้อซ้ำโดยทันที เมื่อผลเป็นลบถึงจะเดินทางต่อไปยังพื้นที่อื่นได้
- ทำประกันสุขภาพอย่างน้อย 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ- มีใบจองที่พัก
3.ผู้เดินทางเข้าประเทศโดยไม่ต้องกักตัว: ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของ สธ. ซึ่งจะมีการแถลงรายละเอียดต่อไป
รายชื่อ 17 จังหวัดที่ถูกกำหนดให้เป็น “พื้นที่สีฟ้า” เริ่มนำร่องให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติไปเที่ยวได้ ระหว่าง 1-30 พ.ย. ได้แก่
- ภูเก็ต
- สุราษฎร์ธานี
- กรุงเทพฯ
- สมุทรปราการ (สนามบินสุวรรณภูมิ)
- กระบี่
- พังงา
- ประจวบคีรีขันธ์ (ต.หนองแก อ.หัวหิน)
- เพชรบุรี (เทศบาลเมืองชะอำ)
- ชลบุรี (พัทยา อ.บางละมุง ต.จอมเทียน ต.บางเสร่ เกาะสีชัง อ.ศรีราชา)
- ระนอง (เกาะพยาม)
- เชียงใหม่ (อ.เมือง อ.แม่ริม อ.แม่แตง อ.ดอยเต่า)
- เลย (อ.เชียงคาน)
- บุรีรัมย์ (อ.เมือง)
- หนองคาย (อ.เมือง อ.ศรีเชียงใหม่ อ.ท่าบ่อ อ.สังคม)
- อุดรธานี (อ. เมือง อ.นายูง อ.หนองหาน อ.กุมภวาปี อ.บ้านดุง)
- ระยอง (เกาะเสม็ด)
- ตราด (เกาะช้าง)