จากเหตุการณ์เมื่อวานนี้ที่มีเด็กหญิงวัย 9 ขวบและ 11 ขวบ นอนเฝ้าศพแม่ที่เสียชีวิตด้วยอาการติดเชื้อโควิด-19 ภายในห้องเช่าไม่มีชื่อ ตั้งอยู่ภายในซอยไพโอเนีย ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ โดยที่ผู้เป็นแม่ได้มีการสั่งเสียลูกทั้งสองไว้ว่าหากตนเองเสียชีวิตให้ลูกทั้งสองไปอยู่บ้านเด็กกำพร้า และจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าน้องทั้งสองติดเชื้อโควิด-19
- สลด เด็กหญิง 2 พี่น้องติดโควิด นอนอยู่กับศพแม่ ก่อนตายสั่งเสียให้ไปอยู่บ้านเด็กกำพร้า
ล่าสุด เมื่อเวลา 08.00 น.ของวันนี้ที่ 27 กรกฎาคม 2564 เจ้าหน้าที่จิตอาสาพระราชทาน 904 เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและสตรีจังหวัดสมุทรปราการ เจ้าหน้าที่ อบต.บางโฉลง กำนันตำบลบางโฉลง แพทย์ประจำตำบล สมาชิก อบจ.สมุทรปราการ ได้ร่วมกันลงพื้นที่นำอาหารมื้อเช้ามาให้กับ เด็กหญิงทั้ง 2 พี่น้องที่สูญเสียมารดาวัย 44 ปี ไปจากการติดเชื้อโควิด จนทำให้หลายหน่วยงานทั้งที่เกี่ยวข้องเร่งประสานความร่วมมือเข้าให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้ารับตัวเด็กหญิงทั้งสองส่งเข้ารักษาที่โรงพยาบาลบางพลี เพื่อตรวจหาเชื้อโควิดซ้ำอีกครั้ง พร้อมกับเพื่อนข้างห้องอีก 2 ราย ที่คอยช่วยเหลือครอบครัวของเด็กหญิงทั้งสอง จนกลายเป็นเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง
น้องออมสิน อายุ 11 ปี เปิดใจทั้งน้ำตาว่า เมื่อคืนที่ผ่านยอมรับว่ายังทำใจไม่ได้และยังคงคิดถึงมารดาที่จากไปเป็นอย่างมาก เพราะที่ผ่านมาตนและน้องสาวไม่เคยห่างจากมารดาเลย ตั้งแต่จำความได้ก็มีมารดาคนดูแลเลี้ยงดูตนและน้องสาวมาตลอดไม่เคยห่าง มารดาจะคอยสอนทุกอย่างให้กับตนและน้องไม่ว่าจะทำกับข้าว ทำงานบ้าน สอนให้เรียนรู้การใช้ชีวิตรอดในสังคม สอนแม้แต่การเรียน ซึ่งตนจำได้ว่าเกิดที่จังหวัดนครราชสีมาและไปโตที่จังหวัดอุดรธานี จึงมีโอกาสเรียนที่จังหวัดอุดรธานี จนถึงระดับประถมศึกษาปีที่ 4 แต่จำไม่ได้ว่าเรียนที่ใด
หลังจากนั้นก็ไม่ได้เรียนอีกเลย มารดาไปทำงานที่ไหนก็จะพาตนและน้องสอนไปด้วย ที่ผ่านมามารดาจะคอยสอนให้เขียนหนังสือและอ่านหนังสือ บางครั้งก็อาศัยเปิดทีวีเรียนออนไลน์จากทีวี จึงพอจะอ่านออกเขียนได้บ้าง ส่วนคำพูดครั้งสุดท้ายที่มารดาบอกกับตนว่าให้ดูแลน้องและตัวเองให้ดี แม่ไม่ไหวแล้ว จากนั้นไม่นานแม่ก็หมดลมหายใจต่อหน้า หากแม่รับรู้ในตอนนี้ หนูขอสัญญากับแม่ว่าจะดูแลน้องและตัวเองให้ดี แม่ไม่ต้องเป็นห่วงขอให้แม่หลับให้สบาย เมื่อถามว่าหลังจากนี้หนูจะใช้ชีวิตอย่างใด น้องออมสินตอบทั้งน้ำตาว่า ตนเองยังไม่รู้ชะตากรรมของตนเอง แต่ถ้าผู้ใหญ่ให้ไปอยู่ที่ไหน ไม่ว่าจะบ้านพักเด็กหรือถ้ามีผู้ใหญ่ให้ไปอยู่ด้วยก็จะไปเพราะไม่มีญาติพี่น้องหรือใครเหลือเพียงสองคนพี่น้องเท่านั้น ตนและน้องอยากเรียนหนังสือให้สูงที่สุดเท่าที่จะเรียนไหว
ด้านนางสาว สุภชา พหรมศร หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวสมุทรปราการ ได้กล่าวว่า ขณะนี้มีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือน้องทั้งสองแล้ว เบื้องต้นทาง พม.จังหวัดสมุทรปราการ จะเข้ามาดูแลน้องทั้งสองก่อนเบื้องต้น โดยจะต้องส่งตัวไปตรวจหาเชื้อโควิดและเข้าสู่ขบวนการรักษาหรือกักตัวของรัฐตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคระบาด หลังจากนั้นจะเข้าไปรับตัวน้องทั้งสองเข้าสู่ขบวนการของ พม. ซึ่งจะต้องตามหาญาติที่แท้จริงของน้อง หาเจอญาติก็จะต้องไปดูต่อว่าเด็กจะอยู่กับญาติหรือไม่ และสามารถเลี้ยงดูเด็กทั้งสองได้หรือไม่ แต่หากไม่มีญาติทาง พม.ก็มีความพร้อมที่จะดูแลน้องทั้งสอง
แต่ในเบื้องต้นเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ คุณชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าสมุทรปราการ ได้แจ้งความประสงค์ผ่านตัวแทนมีความประสงค์ที่จะรับน้องทั้งสองไปอุปการะดูแล ซึ่งในส่วนของหลักเกณฑ์สามารถทำได้ แต่ต้องไปสำรวจที่รับเลี้ยงและมีหลักเกณฑ์ข้อตกลงและข้อกำหนดไว้ชัดเจน ส่วนสภาพจิตใจของเด็กตอนนี้มีจิตใจเข้มแข็งมากขึ้น มีกำลังใจมากขึ้น
ส่วนประเด็นที่จะมีหลายฝ่ายช่วยเหลือด้วยการโอนเงินเข้ามาให้น้องนั้น ขณะนี้ยังไม่มีบัญชีใดๆ ของน้อง แต่หลังจากที่น้องรักษาตัวเสร็จแล้ว พม.จะพาน้องไปเปิดบัญชีเป็นชื่อน้องทั้งสองเพื่อให้โอนเงินช่วยเหลือเข้าบัญชีของน้องโดยตรง ในส่วนของ พม.ยืนยันว่าจะไม่ทอดทิ้งน้องทั้งสองถึงแม้จะไม่มีญาติหรือใครก็ตาม
ขณะที่ล่าสุดมีรายงานทางด้าน นายแพทย์ พิเชษฐ์ พัวพันกิจเจริญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางพลี ได้เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับตัวน้องทั้งสองไว้รักษาที่โรงพยาบาลบางพลีแล้ว ในเบื้องต้นได้ทำการแอดมิทที่โรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจร่างกายอย่างละเอียดรวมถึงจัดทีมจิตวิทยาเข้าดูและสภาพจิตใจเด็กเพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจและร่างกาย
ด้าน พระครูปลัดสุวัฒนศิลคุณ หรือพระครูแจ้ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้เตรียมให้ความอนุเคราะห์ รับศพมารดาของน้องออมสินและน้องกระปุกมาทำการฌาปนกิจให้ที่วัดบางพลีใหญ่กลางโดยไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมกันนี้จะมีตัวแทนหลายหน่วยงานร่วมไว้อาลัยและทำพิธีทางศาสนาให้กับมารดาของเด็กทั้งสองด้วย