“ชัยธวัช” ให้ “เพื่อไทย” เลือกอุดมการณ์ตรงกับใคร ยอมรับไม่ค่อยเข้าใจ เชิญ 5 พรรคตรงข้ามมาคุยแล้วแถลงข่าวเพื่ออะไร
วันนี้ (24 ก.ค.) นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ในรายการกรรมกรข่าว คุยนอกจอ ถึงการจัดตั้งรัฐบาล ว่า ต้องรอดูว่าในการประชุมหัวหน้าพรรค 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ว่าพรรคเพื่อไทยจะมีข้อเสนอจากอย่างไร เนื่องจากมีการไปพูดคุยกับพรรคการเมืองและกลุ่ม สว. แล้ว ยอมรับว่าเป็นกังวลเรื่องเสียงของ สว. เนื่องจากยังไม่มีความเป็นเอกภาพไม่สามารถตอบได้
“เราปฏิเสธไม่ได้ว่าการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ มีความยากลำบากเหมือนกับปี 2562 ซึ่งในปีนั้นพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 พรรคอนาคตใหม่เป็นอันดับ 3 พรรคพลังประชารัฐเป็นอันดับ 2 ซึ่งพรรคอันดับ 1 ไม่สามารถชิงรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลได้ โดยเป็นปัญหาจากระบบของรัฐธรรมนูญที่วางเอาไว้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งคือพรรคพลังประชารัฐสามารถรวมเสียงได้เกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภาก่อนฝั่งเพื่อไทย”
นายชัยธวัช กล่าวว่า พอมาในปีนี้ก็มีความยากลำบากเนื่องจาก สว. พูดไม่เหมือนเดิมแล้ว แต่ก็อยากจะย้ำว่าสถานการณ์ไม่เหมือนเดิม ครั้งนี้ผลการเลือกตั้งชัดว่าประชาชนต้องการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล เป็นพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล แม้การจัดตั้งรัฐบาลจะมีความยากลำบาก แต่การจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยเป็นไปไม่ได้ ประเด็นจะอยู่ที่ สว.จะเอาอย่างไร และอย่าเอาปัญหามาโยนให้พรรคที่ชนะการเลือกตั้ง
“ตอนนี้เราเอาปัญหาเอาความกดดันมาอยู่ที่พรรคชนะการเลือกตั้ง ผมคิดว่าประชาชนกับสังคมไม่ได้มองแบบนั้น ผมยังเชื่อว่าถ้าพรรคเพื่อไทยกับก้าวไกลจับมือกันแน่นจะไม่สามารถพลิกขั้วรัฐบาลได้”
นายชัยธวัช มองว่า หากยังไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ สังคมจะตั้งคำถามกับ สว. การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ให้เร็วที่สุดมีความสำคัญ ตนคิดว่าการจับมือกันไว้แน่นคงไม่ทำให้เราต้องรอไปถึง 9-10 เดือน
แต่ปฎิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้พรรคเพื่อไทยก็มีความกังวลเรื่องการพลิกล็อกการตีความข้อบังคับ เรื่องการโหวตนายกรัฐมนตรีได้เพียงครั้งเดียว ซึ่งประเด็นนี้มีการไปยื่นร้องผู้ตรวจการแผ่นดินให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความแล้ว ซึ่งหากมีการตีความกันรวดเร็วก็จะเป็นเรื่องที่ดี
ส่วนเรื่องการขอเลื่อนโหวตนายกรัฐมนตรี ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับพรรคเพื่อไทย และ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล แต่ก็มีกระแสข่าวจากพรรคเพื่อไทยว่าอาจจะมีการขอให้เลื่อนเพราะยังมีความไม่มั่นใจในการรวมเสียง หรือการตีความข้อบังคับ ซึ่งเชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจ
เมื่อถามว่าแกนนำพรรคเพื่อไทยพูดชัดเจนว่าต้องคิดให้ดี ว่าการโหวต 1 ครั้ง จะคุ้มหรือไม่ เพราะอาจเสนอซ้ำไม่ได้ และอาจจะต้องรอไปถึง 10 เดือน
นายชัยธวัช กล่าวว่า การรอ 10 เดือน เป็นความสุดขั้วเกินไป หาก 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลยังจับมือกันไว้แน่น คิดว่าจะเดินทางไปไม่ถึงตรงนั้น และคิดว่ามีหลายเรื่องยังต้องทำ ทั้งการหาเสียงสว. ให้ได้มากที่สุด และการปลดล็อกตีความข้อบังคับ เพราะอาจจะทำให้การเสนอชื่อซ้ำไม่น่ากังวล
“ผมไม่ได้มองถึง 10 เดือน แต่มองว่าอาจจะยืดเยื้อหน่อย ไม่เร็วอย่างที่เราคาดหวัง การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้เร็วก็มีความสำคัญ แต่ขณะเดียวกันประชาชนก็เริ่มส่งเสียงว่าพวกเขารอได้ เพราะเขาไม่ต้องการเห็นขั้วอำนาจเดิมมาเป็นรัฐบาล จึงทำให้ออกเสียงเลือกตั้งอย่างชัดที่สุด”
นายชัยธวัช ย้ำว่า การจัดตั้งรัฐบาลรอ 10 เดือนถือเป็นฉากทัศน์ที่เลวร้ายที่สุด และต้องยอมรับว่านานเกินไปจริงๆ ซึ่งเชื่อว่าหากยืดเยื้อนานเกินไปจะเกิดแรงกดดันไปที่ สว. และฝั่งตรงข้าม
การยกเหตุผลว่าประชาชนรอไป 10 เดือน ประชาชนจะเกิดปัญหา เป็นเพราะพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้ง ตนคิดว่าอันนี้โจทย์น่าจะผิด และตนคิดว่าคนไม่ได้มองว่าพรรคที่ชนะการเลือกตั้งเป็นตัวปัญหา คงต้องตั้งหลักกันให้มั่น เชื่อว่าจากที่ประชาชนรอดูอย่างเงียบๆ จะส่งเสียงออกมา ว่าอย่าทำให้พวกเขาผิดหวัง
ส่วนเรื่องการดูดงูเห่าระหว่างการจัดตั้งรัฐบาล นายชัยธวัช ยืนยันว่า ไม่ง่ายขนาดนั้น การดูดงูเห่า 60-70 คนไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ทุกอย่างจะเป็นไปได้ เพราะจิตใจคนสามารถเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้ ไม่มีอะไรแน่นอน แต่ตนยังเชื่อว่า การดูดงูเห่าไป 60-70 คน ไม่ใช่เรื่องง่าย
และประชาชนเห็นแล้วว่าเมื่อนักการเมืองเป็นงูเห่า อนาคตทางการเมืองจะหายไปทันที ไม่อย่างนั้นคงได้เห็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลงชิงแข่งนายกรัฐมนตรีไปแล้ว และหากเกิดขึ้นจริง ตนเชื่อว่ารัฐบาลแบบนี้อยู่ได้ไม่นาน สามารถล้มได้ไม่เกิน 1 เดือน
นายชัยธวัช ย้ำว่า ทุกการโหวตมีแรงกดดันไปถึง สว. จึงมีความพยายามไม่ให้โหวตซ้ำ แต่ตนมองว่าคงไม่ได้ยาวนานไม่ถึง 9 เดือน 10 เดือน
Lillian SUWANRUMPHA / AFP
เมื่อถามว่าในวงประชุมมีการบอกว่า ให้พรรคก้าวไกลเสียสละออกจาก 8 พรรคร่วมรัฐบาลจริงหรือไม่
นายชัยธวัช ระบุว่า ก็คงมีแต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เท่านั้น ซึ่งตนก็ไม่ได้รู้สึกอะไร และก็รับฟัง ไม่ได้โต้แย้งกลับไป เหมือนกับตอนที่อยู่บนเวทีแถลงข่าวตอนนั้นเหมือนจะจบแล้ว แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ พูดขึ้นมา ในใจก็คิดว่าควรจะเดินออกหรือฟังจนจบ สุดท้ายก็ต้องนั่งฟัง ซึ่ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ก็พูดทำนองนี้ในที่ประชุมเช่นเดียวกัน
ส่วนการที่พรรคเพื่อไทยเชิญ 5 พรรคการเมืองเข้ามาหารือ ก็มีความชัดเจนว่า หลายพรรคไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล เพราะการแก้ไข ม.112 รวมถึงแนวทางการทำงานและวิธีการในการทำงานซึ่งชัดเจน
และอย่างที่สองตนก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับพรรคเพื่อไทยว่ายังไม่ได้เจรจาเพื่อมาร่วมรัฐบาล เป็นการเชิญมาเพื่อพูดคุยกัน แต่ก็ห้ามความรู้สึกของประชาชนไม่ได้ที่จะคิดว่าหากจะเชิญมาร่วมรัฐบาล หรือยืมปาก 5 พรรคการเมือง อย่างไรก็ตาม ต้องรอฟังจากปากของพรรคเพื่อไทยในวันพรุ่งนี้ (25 ก.ค.)
เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลมองว่าพรรคเพื่อไทยยืมปากพรรคอื่นมาพูดหรือไม่
นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่ค่อยเข้าใจว่าการแถลงข่าวแบบนั้นทำไปเพื่ออะไร คือการแถลงข่าวทุกครั้งต้องเตรียมการว่าใครจะพูดอะไรบ้าง แต่เรารู้พื้นฐานล่วงหน้าอยู่แล้ว
เมื่อถามว่ารู้สึกถูกตบหน้าหรือไม่
นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่ 2 วันที่ผ่านมาเราก็เฝ้าดูเหมือนกับประชาชนทั่วไป ทั้งนี้ ตนยังยึดตามที่พรรคก้าวไกลเคยแถลงว่าเรายังยึดทำตามเสียงที่ประชาชนเคยให้ไว้ ซึ่งเราคงพยายามอย่างถึงที่สุด และจะเป็นจริงได้ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของการจับมือกันให้แน่นของ 8 พรรคร่วม
เมื่อถามว่าหากพรุ่งนี้ (25 พ.ค.) พรรคเพื่อไทยรายงานในที่ประชุมว่า 4 พรรคใหญ่ ตอบในทางเดียวกันว่าร่วมงานกับก้าวไกลไม่ได้ และเสียง สว. ได้มาไม่เพียงพอ ก้าวไกลว่าอย่างไร
นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าจะมีแนวทางเสนอให้เลื่อนการโหวตหรือไม่ เพื่อทำงานเพิ่ม หรือต้องตัดสินใจเลย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับพรรคเพื่อไทยที่เป็นเจ้าภาพจะตัดสินใจ ว่าจะไปต่อหรือสลาย MOU 8 พรรคร่วม
“ผมก็คงห้ามเพื่อไทยไม่ได้ ในเมื่อฝั่งหนึ่งบอกว่าอุดมการณ์และการทำงานทางการเมืองไม่ตรงกับพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทยก็คงต้องเลือกว่า อุดมการณ์และการทำงานทางการเมืองตรงกับใคร”
เมื่อถามว่าวันแถลงข่าวเมื่อวันศุกร์ (21 ก.ค.) ที่ผ่านมา เหนื่อยไหม
นายชัยธวัช กล่าวว่า ที่มีหลายคนบอกว่าตนหลั่งน้ำตามันไม่ได้ขนาดนั้น ตนก็แค่นิ่งฟัง อาจเป็นเพราะแสงสะท้อนของแว่นที่ทำให้เข้าใจผิด ตนคิดว่าเป็นเรื่องปกติในทางการเมือง และตนคงไปพูดอะไรไม่ได้ เพราะ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว คงไม่เหมาะสมที่จะไปกล่าวอะไร
เมื่อถามว่ามีคนเสนอว่าถ้าพรรคอันดับ 1 อันดับ 2 จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ จะยกให้พรรคอันดับ 3 ขึ้นมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
นายชัยธวัช กล่าวว่า ก้าวไกลคงไม่ได้เป็นคนตัดสินใจที่ยกให้ เราก็คงไม่เห็นด้วย แม้จะยังอยู่ในกติกาเดิม แต่ความเป็นจริงและผลการเลือกตั้งต่างไปจากสถานการณ์ในปี 62 มาก ความเป็นไปได้ที่จะให้พรรคอันดับ 3 ขึ้นมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าพรรคอันดับ 1 อันดับ 2 จับมือกันแน่น ซึ่งตนก็ยังเชื่อแบบนั้น
- เพจดังทำโพล ปชช.ยอมไหม ชะลอตั้งรัฐบาล 10 เดือน จน สว. พ้นวาระ ผลชัดมาก
- ชลน่าน เปิดใจเรื่องเล่าฯ แนวทางจัดตั้ง รบ. ตอบปมข้อเสนอรอ 10 เดือน สว.พ้นวาระ