วันที่ 26 ตุลาคม 2566 มีรายงานว่า เมื่อวันที่ (25 ต.ค. 66) มีการประชุมนัดที่ 2 วาระสำคัญ เรื่อง แจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ โดย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการคณะอนุกรรมการ เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีความเห็นตรงกันให้ ปรับเงื่อนไขการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ให้สามารถใช้ได้ภายในอำเภอ จากเดิมที่จำกัดในรัศมี 4 กิโลเมตร เนื่องจากพื้นที่ไม่ใหญ่จนเกินไปและมีร้านค้ากระจายเพียงพอต่อการรองรับการใช้จ่ายของประชาชน
ส่วน เรื่องกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้ตรงกับจุดประสงค์ที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ต้องการให้คนร่วมมาก ๆ แบ่งเบาภาระประชาชน จึงเสนอให้ตัดคนรวยหรือผู้ที่มีรายได้ดีออก โดยคำจำกัดความยังไม่เป็นที่สรุป แต่กำหนดตัวเลือกไว้ 2 แบบ ได้แก่
1.ให้สิทธิ์เฉพาะผู้ยากไร้ โดยใช้ฐานข้อมูลจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งมีจำนวนประมาณ 15-16 ล้านคน ใช้งบประมาณราว 1.5-1.6 แสนล้านบาท
2.ตัดกลุ่มผู้มีเงินเดือนถึง 25,000 บาท และ/หรือ มีบัญชีเงินฝากถึง 1 แสนบาทออก เหลือผู้ได้สิทธิ์ 43 ล้านคน ใช้งบประมาณราว 4.3 แสนล้านบาท
3.ตัดกลุ่มผู้มีเงินเดือนถึง 50,000 บาท และ/หรือ มีบัญชีเงินฝากถึง 5 แสนบาทออก เหลือผู้ได้สิทธิ์ 49 ล้านคน ใช้งบประมาณราว 4.9 แสนล้านบาท
โดยจะนำเสนอคณะกรรมการชุดใหญ่ ที่มี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง เป็นประธานประชุมตัดสินใจ ในช่วงสัปดาห์หน้า
- วอนหยุดด้อยค่า-มีอคติ ‘เงินดิจิทัลวอลเล็ต’ ว่ารัฐบาลไปลอกเขามา
- รมช.คลัง โต้ ก้าวไกล ยัน ดิจิทัลวอเล็ต 1 หมื่น ไม่ได้ลอก ประเทศญี่ปุ่น
- ศิริกัญญา ก้าวไกล ชี้ ที่มาเงินดิจิทัลวอลเล็ต อาจจะถึงทางตัน ?
สำหรับประเด็นการยืนยันตัวตน เป็นไปตามสิทธิ์ ครอบคลุมทั้ง บุคคลธรรมดา นิติบุคคล กองทุนหมู่บ้าน และวิสาหกิจชุมชน ใช้จ่ายได้ประเภทสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นหลัก ส่วนระบบการขึ้นเงินได้ร้านค้าระบบภาษี 3 ประเภท ทั้งร้านค้าในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม เงินได้นิติบุคคล และ บุคคลธรรมดา ส่วนผู้จัดทำระบบ สมาคมสถาบันการเงินของรัฐเห็นชอบ ให้ธนาคารกรุงไทยเป็นผู้ดำเนินการเพราะมีความพร้อม โดยยืนยันว่างบประมาณที่ใช้ไม่ถึง 12,000 ล้านบาทแน่นอน และต่ำกว่านั้นมาก โดยจะเป็นการทำแอปพลิชัน ขึ้นมาใหม่ไม่ใช่ระบบเป๋าตัง
ทั้งนี้ ยอมรับว่าโครงการจะดีเลย์จากเดิมวันที่ 1 ก.พ.2567 แต่มีเวลาเตรียมตัวมากขึ้น ในเรื่องความปลอดภัย กระบวนการทดสอบระบบก็มากขึ้น ซึ่งก็ล้อไปตามการเบิกจ่ายงบประมาณ 2567 ที่อาจล่าช้าถึง เม.ย.-พ.ค. 2567 ซึ่งกลไกการใช้งบประมาณแผ่นดินเป็นตัวเลือกแรก เพราะโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีการอนุมัติโดยตัวแทนประชาชน ทั้ง สส. และ สว. ต้องพิจารณาตามกรอบข้อเท็จจริง รัฐบาลจะไม่ตัดโครงการลงทุน หรือโครงการอื่น ๆ ของรัฐ เพื่ออัดโครงการนี้ที่ใช้เม็ดเงินถึง5.6 แสนล้านบาท เข้าไปในงบประมาณ 2567 ในคราวเดียว เป็นการขาดดุลตามกรอบงบประมาณที่วางแผนไว้ ไม่มีผลกระทบต่อตลาดทุน ตลาดตราสารหนี้ แน่นอน
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่น ๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY