เปิดประวัติ! ‘บิ๊กโจ๊ก’ แคนดิเดต ผบ.ตร. ดาวรุ่งคนใหม่ ส่อแวว ยศสั่นคลอน?

Home » เปิดประวัติ! ‘บิ๊กโจ๊ก’ แคนดิเดต ผบ.ตร. ดาวรุ่งคนใหม่ ส่อแวว ยศสั่นคลอน?
บิ๊กโจ๊ก 25-9-66-003-min

เปิดประวัติ! ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล’ หรือ ‘บิ๊กโจ๊ก’ แคนดิเดต ผบ.ตร. ดาวรุ่งคนใหม่ ส่อแวว ยศสั่นคลอน หลังโดน ตำรวจบุกค้นบ้าน เอี่ยว! เว็บพนันออนไลน์

สำหรับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ผู้มีลำดับอาวุโสเป็นอันดับที่ 2 เริ่มรับราชการติดยศ “ร.ต.ต.” เป็นรองสารวัตร ตั้งแต่ 1 ก.พ. 2537 เป็นรองสารวัตรได้ 6 ปี 1 เดือน ได้ขึ้นเป็นสารวัตร และเป็นสารวัตรได้ 4 ปี 8 เดือน ขยับเป็นรองผู้กำกับการ เป็นรองผู้กำกับการอยู่ 4 ปี จากนั้นขยับเป็นผู้กำกับการ ติดยศ “พ.ต.อ.” ได้เป็น ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ จ.สงขลา โรงพักเกรดเอ โดยขณะนั้น พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา เป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9

ประวัติ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” หรือ “บิ๊กโจ๊ก”

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ชื่อเล่น “โจ๊ก” เกิดเมื่อวันที่ 29 ต.ค. ปี 2513 ประวัติการศึกษา เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ และเป็นหัวหน้านักเรียน นรต. รุ่นที่ 47 รวมถึงเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 31 จบปริญญาตรี รัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต ปริญญาโทสังคมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม จากมหาวิทยาลัยมหิดล และระดับปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขารัฐประศาสนศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย และระดับ ปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาอาชญาวิทยา มหาวิทยาลัยมหิดล

ฉายาที่ได้รับ

สำหรับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หรือ ที่สื่อตั้งฉายาให้ว่า ‘บิ๊กโจ๊ก’ และ ‘เทพโจ๊ก’ ซึ่ง นายตำรวจผู้นี้ได้ปรากกฏตามภาพสื่อมาอย่างต่อเนื่องในหลายคดี และได้ดำรงตำแหน่งในหลายแห่ง เช่น ผู้กำกับการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทำหน้าที่อำนวยการประจำผู้ช่วยผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ผู้กำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์, ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ จนได้เลื่อนขึ้นเป็นรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา

บิ๊กโจ๊ก-25-9-66-001-min
  • บิ๊กโจ๊ก ปฏิเสธ ไม่ให้ค้นบ้าน ลั่น มาค้นผมได้ไง ผมไม่ให้ค้น กลับไปเลย
  • เปิดคำพูด! ‘บิ๊กโจ๊ก’ หลังตำรวจไซเบอร์ บุกค้นบ้าน เอี่ยว เว็บพนันออนไลน์
  • บิ๊กโจ๊ก งานเข้า ตำรวจไซเบอร์ บุกค้นบ้าน พบมีเอี่ยว พนันออนไลน์

นอกจากนี้ เมื่อ ได้เลื่อนยศขึ้นมาเป็นพลตำรวจตรี ในปี 2558 ยังได้รับตำแหน่งผู้บังคับการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำหน้าที่ประสานงานกับนายกรัฐมนตรี รายงานต่อ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ผู้รับผิดชอบสำนักงานตำรวจแห่งชาติในขณะนั้น และได้เป็นผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว และเป็นผู้บังคับการตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ก่อนจะเข้ามาทำหน้าที่รักษาการรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว จนได้เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว จนกระทั่งในปี 2561 จะได้เลื่อนยศเป็นพลตำรวจโท และได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

แม้จะดูไปได้สวย และเติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่ทว่า เมื่อวันที่ 5 เม.ย. 62 มีคำสั่งจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในขณะนั้น ให้ พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม

แต่ที่หนักกว่านั้นคือ ต่อมาใน วันที่ 9 เม.ย. 62 ได้มีคำสั่งจาก พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญให้ พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ ขาดจากตำแหน่งหน้าที่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อโอนไปเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทนักบริหารระดับสูง ในตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

อีกทั้งยังถูกเพิ่มในรายชื่อที่ต้องได้รับการตรวจสอบจาก ป.ป.ช. , ป.ป.ท. และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เนื่องด้วยมีมูลกรณี เมื่อถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ จากนั้น พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ยื่นหนังสือลากิจเพื่อขอบวชที่วัด ในประเทศอินเดีย เป็นเวลา 9 วัน ก่อนกลับมาปฏิบัติหน้าที่ อีกทั้ง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ได้ยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต่อศาลปกครองกลาง เรื่องคำสั่งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม แต่ศาลจะไม่รับคำฟ้อง และจำหน่ายคดีออก เพราะยังไม่ครบ 90 วัน ที่ยื่นถึงนายกฯ และปลัดสำนักนายกฯ เรื่องขอให้พิจารณามีคำสั่งกลับไปปฏิบัติหน้าที่ราชการดังเดิม กระทั่ง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ได้ถูกโอนกลับเข้ามาเป็นข้าราชการตำรวจ ในวันที่ 27 มี.ค. 2564 ในตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร. และขยับเป็นรอง ผบ.ตร. ในวันที่ 1 ต.ค. 2565

ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นหัวหน้าทีมงานสืบสวน และนำทีมคลี่คลายในหลายคดี อาทิ การกวาดล้างทุนจีนสีเทา, คดีแอม ไซยาไนด์, กรณีข้อพิพาทที่ดินเกาะหลีเป๊ะ, การทุจริตต่อหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ, ปัญหาวัดบางคลาน จ.พิจิตร ไปจนถึงเรื่องล่าสุด คือ คดีลูกน้องกำนันนกยิงตำรวจทางหลวง ก่อนคดีจะถูกโอนไปที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และให้รองโจ๊กดูเรื่องการฮั้วประมูลที่เกี่ยวข้องกับกำนันนก ซึ่งยังเป็นที่ตั้งข้อสังเกตุจากหลายฝ่ายว่า การโอนคดีในช่วงที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กำลังจะไล่ดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้ที่เกี่ยวข้องที่อยู่ในงานเลี้ยงกำนันนก เพื่อเป็นการสกัดขาในการทำผลงาน และอาจส่งผลไปถึงการชิงตำแหน่ง ผบ.ตร. แม้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ จะออกมาปฏิเสธเรื่องดังกล่าวแล้วก็ตาม

อย่างไรก็ตาม เส้นทางการนั่งเก้าอี้ ผบ.ตร. ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังคงดำเนินต่อไป โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะเกษียณอายุราชการในช่วงปี 2574

ที่มา : สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่นๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ